คริส เบญจกุล เผยว่า “สถานที่ที่โดนงัดแงะนั้น คือห้องพักที่พักอยู่ ไม่ใช่บ้าน และพอจะมีเงินเหลือติดตัวอยู่บ้าง แต่ทรัพย์สินในห้องหายเกลี้ยง เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ตอนกลับมาถึงห้องแล้วพบว่ากุญแจที่คล้องประตูมีรอยเลื่อย แต่ตัดไม่ขาด ผมจึงเปิดห้องเข้าไป พบว่าของในห้องกระจัดกระจายเต็มไปหมด ประตูระเบียงก็เปิดอยู่ส่วนทรัพย์สินที่หายไปนั้น มีโน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง นาฬิกา 5 เรือน โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง ที่ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง ทั้งหมดราคาประมาณแสนขึ้น ตอนนี้ตำรวจก็เก็บหลักฐาน รอยนิ้วมือไปหมดแล้ว เหลือแค่ขั้นตอนการตรวจสอบรอยนิ้วมือ ซึ่งตำรวจยืนยันว่า ไม่ได้ลงมือคนเดียวแน่นอน น่าจะมากกว่า 2 คน คนร้ายเข้ามามีเวลามากพอที่จะยกเค้า เพราะผมและภรรยาทำงาน ไม่ค่อยได้อยู่ห้องพัก ก่อนหน้านี้ห้องคนอื่นก็เคยโดนงัด และก่อนหน้านี้ ก็เคยมีเหตุการณ์เคราะห์ร้ายที่เกิดขึ้น คือ ตอนประมาณปี 2551 ผมเองประสบอุบัติเหตุ รถที่ซื้อมาด้วยเงินสดพังยับ ทำให้ต้องนำเงินที่เหลือไปซื้อรถมือสอง และรถมือสองก็ไม่ค่อยดี ต้องซ่อมอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ก็ได้รับความช่วยเหลือจากคุณแม่บ้าง ส่วนกับ ‘เจฟฟรี่ เบญจกุล’ น้องชายแท้ๆ นั้น ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใดๆ ในเรื่องนี้ เนื่องจากเลิกพูดคุยติดต่อกันมานานแล้ว เพราะต่างคนต่างไปมีครอบครัวของกันและกัน ตอนนี้ตนเองมีงานเป็นเพียงพิธีกรรายการเคเบิลทีวีและมีงานจ้างเล็กๆ ครับ” สุดท้าย คริส ทิ้งท้ายไว้ว่า “สิ่งที่หวังคือ ไม่ต้องการของกลับคืนมา แต่คิดว่าขอให้จับตัวคนร้ายให้ได้ เพื่อที่เขาจะไม่ไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีก และไม่เคยน้อยใจกับเหตุการณ์ร้ายๆ ที่เข้ามาในชีวิตตนเองเลยเพราะผมสะกดคำว่ายอมแพ้ไม่เป็นครับ”