นายฮิเดะโทชิ คัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนการตลาด “ลิฟต์บ้าน” ว่า “ความจริงแล้ว มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ เราเปิดตลาด “ลิฟต์บ้าน” มานานกว่า 10 ปีแล้ว แรกทีเดียวเราเน้นทำการตลาดที่กลุ่มผู้สูงอายุ แต่ด้วยวิถีการดำเนินชีวิตของคนไทยในปัจจุบันที่เปลี่ยนไป เริ่มกลับมาอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ มีสมาชิกในบ้านเพิ่มมากขึ้น ลิฟต์บ้านจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องอำนวยความสะดวกสำหรับกลุ่มคนผู้สูงอายุเท่านั้น โดย ลิฟต์บ้านถูกยกให้เป็นเครื่องอำนวยความสะดวกสำหรับทุกคนในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ป่วย หรือหญิงตั้งครรภ์ และยิ่งไปกว่านั้น “ลิฟต์บ้าน” ได้กลายมาเป็นเสมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญในบ้านที่สามารถบ่งบอกถึงรสนิยม และ Life Style การดำเนินชีวิตอันหรูหราของ ผู้อยู่อาศัย ด้วยรูปลักษณ์และการดีไซน์ที่กลมกลืนไปกับตัวบ้าน และฟังก์ชั่นการทำงานที่หลากหลาย สามารถเลือกให้เหมาะกับความต้องการของผู้ใช้ ด้วยจุดเด่นเรื่องระบบของความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน ทำให้เราเชื่อว่าลิฟต์บ้านจะกลายมาเป็นพระเอกในบ้านได้อย่างไม่ยากเลย”
“สำหรับลิฟต์บ้านนี้เรามุ่งเป้าไปที่ฐานลูกค้ากลุ่ม Residential ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีขนาดของ Segment ใหญ่ที่สุดในตลาด โดยเจาะไปที่กลุ่มลูกค้าระดับ B+ ที่ต้องการให้ “ลิฟต์บ้าน” เป็นเครื่องมือในการยกระดับคุณภาพชีวิต ภายใต้แนวคิด “Luxury and Convenience in your home”นายฮิเดะโทชิ คัง กล่าว
นอกเหนือไปจากนั้น ในงานบ้านและสวนแฟร์ 2012 นี้ มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์น้องใหม่ Access Control Systemระบบควบคุมสิทธิ์ในการเข้า-ออกที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้ โดยระบบนี้ถือเป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อเน้นรองรับกลุ่มลูกค้าที่ใช้ลิฟต์ของมิตซูบิชิโดยเฉพาะ เป็นระบบที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพของลิฟต์มิตซูบิชิให้ครบวงจรมากขึ้น
นายฮิเดะโทชิ คัง ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “Access Control Systemถือเป็นผลิตภัณฑ์น้องใหม่ของมิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ และเป็นผลิตภัณฑ์น้องใหม่ในตลาดกลุ่มธุรกิจนี้ด้วย ซึ่งในการทำตลาดเราจะเริ่มจากการเจาะฐานลูกค้ากลุ่มที่ติดตั้งและใช้ลิฟต์ของมิตซูบิชิในปัจจุบันก่อน โดยเราตั้งเป้าที่จะทำให้ลูกค้าที่ใช้ลิฟต์มิตซูบิชิทุกราย เป็นลูกค้าที่ใช้ Access Control System ของมิตซูบิชิด้วย ซึ่งจุดเด่นและข้อดีของการทำงานร่วมกันระหว่างระบบ Access Control System และลิฟต์ของ มิตซูบิชินั้น จะสามารถทำให้ระบบมีความเสถียร คงทน ยืดอายุการใช้งานและลดความเสียหายของระบบแผงวงจรลิฟต์ เนื่องจาก ผลิตภัณฑ์ Access Control System ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับลิฟต์ของมิตซูบิชิโดยเฉพาะ อีกทั้งเรามีวิศวกรผู้เชี่ยวชาญในการดูแลระบบของมิตซูบิชิทั้งสองส่วนไปพร้อมในเวลาเดียวกัน”
ทั้งนี้ในส่วนของการให้บริการหลังการขายนั้น มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ เรามีศูนย์บริการครอบคลุมในทุกภาคส่วนของประเทศ และรองรับการให้บริการสัปดาห์ละ 7 วัน 24 ชั่วโมง โดยมีรอบระยะเวลาในการตรวจเช็คพร้อมเปลี่ยนอะไหล่ตามรอบระยะเวลาจากวิศวกรผู้เชี่ยวชาญซึ่งถูกฝึกและอบรมผ่านศูนย์ Training Center ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิกเพื่อให้ได้วิศวกรที่มีมาตรฐานเดียวกัน ลูกค้าจึงเชื่อมั่นได้ว่าผลิตภัณฑ์จากมิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ จะมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานอย่างสูงสุด
“ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์และความมุ่งมั่นในการให้บริการของเรา เราเชื่อว่าจะสามารถไปให้ถึงยอดขาย 1,500 ตัวของปีนี้ได้อย่างไม่ยากเลย โดยมี ลิฟต์โดยสาร เป็นผลิตภัณฑ์หลักในการผลักดันยอดขาย ซึ่งในฐานะที่เราเป็นผู้นำทางการตลาดเรามีคู่แข่งคนสำคัญที่จะต้องเร่งพัฒนามาตรฐานของผลิตภัณฑ์และการบริการให้ดียิ่งขึ้นในทุก ๆ ปี นั่นก็คือตัวเราเอง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของมิตซูบิชิทุกท่าน โดยเราจะใช้ CSR (Corporate Social Responsibility) เป็นกลยุทธ์เสริมในการทำการตลาดเพื่อการเป็นผู้นำและการตระหนักของคนในสังคมอย่างยั่งยืนทำให้แบรนด์ของมิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ เป็นที่จดจำและได้รับการไว้วางใจจากคนทุกกลุ่ม”
“ปัจจัยที่ทำให้มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ ก้าวขึ้นสู่การเป็นที่หนึ่ง และมีสัดส่วนทางการตลาดมากที่สุดในธุรกิจลิฟต์และบันไดเลื่อน คือ Product Liabilityผลิตภัณฑ์ที่ไว้วางใจและเชื่อมั่นได้ในเรื่องของคุณภาพระดับพรีเมี่ยมOur Experience Teamทีมงานและวิศวกรผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางTraining Systemระบบการเทรนนิ่งพนักงานผ่านศูนย์อบรม Training Center ที่ใหญ่ที่สุดแห่งเดียวในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคSuperb Installation and Maintenance ability ระบบการติดตั้งที่ได้มาตรฐานและการบริการที่ตระหนักถึงความปลอดภัยของผู้ใช้บริการทุกท่านเป็นอันดับแรกด้วยศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และรองรับ 7 วัน 24 ชั่วโมง ช่วยให้อุ่นใจได้ว่าอยู่เราจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอไม่ว่าเวลาไหน” นายฮิเดะโทชิ คัง กล่าวปิดท้าย