บมจ.แม็ทชิ่ง แม็กซิไมซ์ โซลูชั่น (MATCH) โชว์งบไตรมาส 3/55 พุ่งกระฉูด 430.95% พลิกจากขาดทุนเป็นกำไรเกือบ 14 ล้านบาท หลังเร่งปรับโครงสร้างการบริหารงานและโครงสร้างการทำธุรกิจ ตั้งแต่ปลายปีก่อน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายลดฮวบ ดันกำไรสุทธิปีนี้ พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท พร้อมเปิดแผนการดำเนินงานปีหน้า บุกงานเช่าอุปกรณ์การถ่ายทำ ที่มีมาร์จิ้นสูง หวังปั๊มกำไรโตต่อเนื่อง ล่าสุดเจรจาเทคโอเวอร์ 1 บริษัท คาดได้ข้อสรุปเร็วๆนี้
นายสมบุญ ชีวสุทธานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็ทชิ่ง แม็กซิไมซ์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน)(MATCH) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทงวดไตรมาส 3 ปี 2555 มีกำไรสุทธิ 13.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 430.95 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 4.21 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน มีผลกำไรสุทธิ 47.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 19.27 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯปรับตัวดีขึ้นมาก เป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการภายใน รวมไปถึงปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ MATCH ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งการที่บริษัทหันมาเน้นงานในส่วนของการให้เช่าอุปกรณ์ในการถ่ายทำ ซึ่งมีอัตราการทำกำไร (มาร์จิ้น) ค่อนข้างสูง มาทดแทนธุรกิจงานโฆษณาที่มาร์จิ้นต่ำ เพราะการแข่งขันรุนแรง ส่งผลให้มาร์จิ้นโดยรวมของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้น ดังนั้นแม้ว่ารายได้รวมของ MATCH ในปี 2555 นี้ คาดว่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ประมาณ 600 ล้านบาท แต่ในส่วนของกำไรสุทธิจะปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
"หลังจากที่เราได้มีการปรับโครงสร้าง ทั้งการบริหารงานภายใน และปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปลายปีก่อน จะส่งผลอย่างชัดเจนต่อผลการดำเนินงานในปี 2555 นี้ ซึ่งคาดว่าจะทำให้กำไรของ MATCH จะอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา จากปี 2554 ที่มีกำไรสุทธิ 13 ล้านบาท"
เขากล่าวต่อถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปีหน้า จะยังคงเน้นหนักในส่วนของธุกิจบริการให้เช่าอุปกรณ์ในการถ่ายทำอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้เจรจาซื้อกิจการบริษัทที่ทำธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์การถ่ายทำในตลาดละคร และกิจกรรมอีเว้นท์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดการเจรจาได้ในเร็วๆนี้ ซึ่งจะส่งผลให้การเติบโตในส่วนของธุรกิจการให้เช่าอุปกรณ์การถ่ายทำของ MATCH ในปีหน้า จะมีการเติบโตมากกว่า 20% ในขณะที่ธุรกิจอื่นๆ เช่นการผลิตรายการโทรทัศน์ งานอีเว้นท์ และแมกกาซีน จะมีอัตราเติบโตใกล้เคียงกันในระดับประมาณ 10%