“เท็ดดี้ เฮ้าส์” ปูทาง 13 สาขาในอาเซียน เผยเตรียมขยายอีก 9 พร้อมรับAECในปี’58

อังคาร ๑๑ ธันวาคม ๒๐๑๒ ๑๕:๔๐
จากยอดขายที่เติบโตเร็วอย่างก้าวกระโดดในประเทศอินโดนีเชีย ทำให้แบรนด์ตุ๊กตาหมีสัญชาติไทย พกความมั่นใจพร้อมรับ AEC เผยเตรียมเปิดสาขาเพิ่ม 4 แห่งในประเทศ, 5 สาขาในอินโดนีเซีย พร้อมเล็งมาเลเซีย เกาหลีเป็นอีกตลาดที่น่าดึงดูดไม่แพ้กัน

นาย ปิตุภูมิ หิรัณยพิชญ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เท็ดดี้ เฮ้าส์ จำกัด ผู้ผลิตตุ๊กตาหมีสัญชาติไทย เผยการเตรียมความพร้อมสำหรับAECว่า “เท็ดดี้ เฮ้าส์ เริ่มเข้าตลาดอาเซียนมา 3-4 ปีแล้ว ตั้งแต่ตลาดยุโรปมีปัญหาเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและเศรษฐกิจไม่ดี ยุโรปเลยไม่ได้เป็นเป้าหมายหลักอีกต่อไป เป้าหมายสำคัญตอนนี้คือ เอเชีย ปัจจุบันเรามี 13 สาขา ใน 3 ประเทศ คือ เวียตนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย ทั้งหมดเป็นรูปแบบ Franchise ส่วนทางสิงคโปร์เป็นแบบ ตัวแทนจำหน่าย ตอนนี้เรากำลังเตรียมความพร้อมเรื่องคน ภาษา ความสามารถ และความคิดเป็นเรื่องสำคัญที่พนักงานในส่วนที่เกี่ยวข้องต้องปรับตัว นอกเหนือจากนั้น สามารถกล่าวได้ว่าเราค่อนข้างพร้อมสำหรับ AEC เพราะเรื่องใหญ่ๆอย่างการจดทะเบียนตราสินค้า เราได้ทำเสร็จไปหมดแล้ว ต่อจากนี้เราคงมองไปที่เรื่องของการลงทุนเปิดบริษัทร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่ อินโดนีเซีย พร้อมกับการขยายสาขาเพิ่มในประเทศคู่ค้าเดิม และกำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะเปิดตลาดในมาเลเซียและเกาหลีต่อไป

จุดแข็งของเราอยู่ที่ สินค้าและแบรนด์ แต่กว่าแบรนด์จะได้รับการยอบรับก็ใช้เวลาหลายปีและเราก็ทำได้ดีตลอดเวลาที่ผ่านมา เห็นได้จากฟี๊ดแบคใน facebook ซึ่งมีการ active อยู่ตลอดเวลา มีแฟนเพจเกือบ 150,000คน สินค้าก็เป็นตัวสำคัญที่ทำให้เราได้รับการยอมรับเพราะเรามีสินค้าระดับ พรีเมียม มีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างอย่างชัดเจน มีดีไซด์ที่เป็นเอกลักณ์ของเรา นอกจากนั้นเรามีโรงงานผลิตเป็นของเราเอง และต้องยอมรับว่าลูกค้ากลุ่มยุโรปของเราที่ผ่านมา ให้ประสบการณ์กับเราไว้เยอะมาก ทั้งเรื่องการควบคุมคุณภาพและดีใซน์

ใน ปัจจุบันสัดส่วนการตลาดของเท็ดดี้ เฮ้าส์ ทั้งในและต่างประเทศ คือ 60/40 โดย 60% จะเป็นตลาดในประเทศที่มีสาขาอยู่ตามห้างCentral 9 สาขา และ stand alone ที่ สยามสแควร์ซอย 11 Central พระราม 9 และCentral World ,งามวงศ์วาน และต่างจังหวัดอีก 10 จังหวัด 14 สาขา รวม 29 สาขา ส่วนอีก 40% จะเน้นตลาดในแถบอาเซียน

สิ่งหนึ่งที่ทางเท็ด ดี้ เฮ้าส์คาดหวังจากการเปิด AEC ในครั้งนี้คือเรื่องของ”ภาษี” เนื่องจากเท็ดดี้ เฮ้าส์มีการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศและมี Franchisee ในต่างประเทศทำให้ ต้องเสียภาษีนำเข้า จึงมีผลทำให้ต้นทุนสินค้าค่อนข้างสูง จึงคาดหวังว่าการเปิด AEC จะมีผลทำให้ภาษีลดต่ำลง ถึงแม้ค่าแรงพนักงานจะสูงขึ้นแต่เท็ดดี้ เฮ้าส์ ก็ยังยืนยันที่จะตั้งฐานการผลิตอยู่ในเมืองไทย เพราะมั่นใจในฝีมือของคนไทย เราเชื่อว่าคนไทยทำได้ดีที่สุด เราเป็นแบรนด์คนไทย เราก็อยากสนับสนุนคนไทยได้มีงานทำ เราภูมิใจตรงนี้

สิ่งที่เป็นกังวลกับการเปิด AEC คือ เรื่อง "การถูกละเมิดสิทธิและเรื่องเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศ" เราอยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนแบรนด์คนไทยอย่างเต็มที่ เช่น การมีเจ้าหน้าที่ประจำที่ดูแลเรื่องนี้เพราะหากแต่ละแบรนด์ต้องดำเนินการเอง จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เพราะการให้คำแนะนำอย่างเดียวไม่เพียงพอ ภาครัฐจำเป็นต้องเข้ามาช่วยดำเนินการอย่างเต็มที่

และสิ่งที่อยากจะฝากถึงแบรนด์คนไทยที่กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับ AEC คือ "หากผู้ประกอบการมีเครื่องหมายการค้า ของตนเองแล้ว แนะนำให้ดำเนินการจดทะเบียนในประเทศที่คุณวางแผนจะทำธุรกิจไว้แต่เนิ่นๆ ไม่ต้องรอให้ไปขายก่อนแล้วค่อยทำ"

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน