นางสาวสุรีรัตน์ ตรีมรรคา ผู้ประสานงานกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กล่าวว่า สถานการณ์การบริหารระบบสาธารณสุขของรัฐบาลเพื่อไทย ในขณะนี้ ตั้งแต่ให้หมอ 2 คนมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แรกเริ่มเหมือนว่าการเปลี่ยนหมอของพรรค มาดูกระทรวงและมานั่งเป็นประธานบอร์ดหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นนโยบายที่ทำให้พรรครัฐบาลได้คะแนน ได้ใจประชาชนมาโดยตลอด ทั้งสองหมอจะเร่งรีบสร้างผลงานให้ระบบหลักประกันสุขภาพก้าวหน้า ก้าวพ้นหล่มของการสงเคราะห์ ไปเป็นนโยบายคุ้มครองสิทธิประชาชนที่มีศักดิ์ศรี เป็นผู้เสียภาษี เป็นผู้เลือกตั้ง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น และเป็นเหมือนที่กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ เคยวิเคราะห์ผังล้มระบบหลักประกันสุขภาพไว้แล้วนั่นคือ เดินหน้าแช่แข็งงบประมาณค่าใช้จ่ายรายหัว ยอมให้หมอในกระทรวงออกมาตีปลาหน้าไซ ดึงงบส่งเสริมป้องกันโรค ไปให้สธ.ทำ ทั้งที่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาหากไม่มีการบริหารแบบเชิงรุกแบบสปสช.ทำ มีการสนับสนุนกระตุ้นให้มีการดำเนินการส่งเสริมป้องกัน คงไม่มีผลงานที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงและมีส่วนร่วมในการจัดการสุขภาพตนเองมากเท่าปัจจุบัน
นางสาวสุรีรัตน์ กล่าวว่า สธ.สนใจแต่จะเอาเงินกลับไปทำเองในโรงพยาบาล เนื่องจากเมื่องบอยู่ในมือ สธ.แล้ว การติดตามตรวจสอบเป็นไปได้ยาก สธ.มีลับลมคมในอย่างแน่นอน เหมือนกับที่ภาคประชาชนต้องใช้เวลานานมากกว่าจะแกะรอยเรื่อง “ทุจริตยา” ได้ ทั้งนี้ การบริหารงบประมาณโดยบอร์ดหลักประกันสุขภาพ ที่มีองค์ประกอบของคณะกรรมการที่มีตัวแทนประชาชนอยู่ด้วย มีความโปร่งใส ติดตามตรวจสอบได้ดีกว่า แม้จะมีการฮั้วคะแนนเสียงกันระหว่างข้าราชการกระทรวงที่มาเป็นตัวแทนการเมือง กับ สธ. ก็ตาม
“จากสถานการณ์ดังกล่าว กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ขอเรียกร้องให้นักการเมืองอย่างหมอประดิษฐ และหมอชลน่าน แสดงท่าทีว่ารักประชาชนคนเลือกพรรคเพื่อไทย มีนโยบายชัดเจนว่าจะทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพไม่ถูกบ่อนเซาะล้มครืนในสมัยของท่าน จนกลายเป็นระบบอนาถา สิ่งที่ควรทำคือ เพิ่มค่าใช้จ่ายรายหัวให้เหมาะสมเป็นจริงกับสิทธิประโยชน์ อย่างน้อยคนละ 4,000 บาท/หัว/ปี ลดความเหลื่อมล้ำให้ผู้ประกันตนในประกันสังคม โดยรัฐรับผิดชอบค่าใช้จ่ายรายหัวในการรักษาให้ เหมือนกับทุกคน ลดความฟุ่มเฟือยการใช้ยาของข้าราชการ เดินหน้าให้เกิดการบริหารระบบเดียวอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างนี้จึงจะแสดงให้เห็นความจริงใจของพรรครัฐบาล” นางสาวสุรีรัตน์ กล่าว