ในปี 2556 ไทยได้ตั้งเป้าหมายในการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารมีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้น 10 % โดยกรมฯมีแผนในการส่งเสริมและพัฒนาการส่งออกสินค้าอาหารหลายโครงการ อาทิ กิจกรรมพัฒนาสินค้าและผู้ประกอบการ 4 กิจกรรม อาทิ โครงการเจาะตลาดอาหารสุขภาพเพื่อการส่งออก โครงการลู่ทางกาค้าการส่งออกอาหารแช่แข็งไปตลาดยุโรปและอาเซียน เป็นต้น การจัดงานแสดงสินค้าไทยในต่างประเทศ 12 งาน คณะผู้แทนการค้าไปเจรจาการค้าในต่างประเทศ 5 คณะ เพื่อเดินทางไปเจรจาการค้าในประเทศอาเซียน จีน อินเดีย ญี่ปุ่นและตะวันออกกลาง เป็น
ส่วนงานแสดงสินค้าอาหาร เครื่องดื่มและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องสำคัญในต่างประเทศตามภูมิภาคต่างๆ ของโลกมีจำนวน 19 งานใน 14 ประเทศ อาทิ งานแสดงสินค้า World Food Moscow 2013 กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ระหว่างวันที่ 16-19 กันยายน 56 งานแสดงสินค้าFine Food Australia 2013 นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 9-12 กันยายนนี้ งานแสดงสินค้า Food Taipei 2013 ณ กรุงไทเป ไต้หวัน ระหว่างวันที่ 26-29 มิถุนายนนี้ และงานแสดงสินค้า Anuga 2013 เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 5-9 ตุลาคมนี้ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังได้มีแผนที่จะจัดให้คำปรึกษาและช่วยเหลือนักธุรกิจไทยในการเข้าไปลงทุน หรือร่วมทุนทำธุรกิจอาหาร หรือ เปิดร้านอาหารไทยในต่างประเทศใน 2 ภูมิภาค คือ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เวียดนาม พม่า อินโดนีเซีย)และยุโรปตะวันออก(รัสเซีย โปแลนด์) เพื่อให้คำปรึกษาด้านการตลาด กฎหมายและด้านเงินทุน คาดว่าจะเพิ่มการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร เปิดธุรกิจ และผลักดันให้สินค้าอาหารไทยเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้นในต่างประเทศ
ทั้งนี้จากการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคเป็นระยะๆ เพื่อร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์ทั้งในด้านการขยายตลาดส่งออกเชิงรุก ที่มุ่งเน้นส่งเสริมการส่งออกสินค้าอาหารที่มีมูลค่าเพิ่ม และควรมีความพร้อมในการปรับตัวให้ทันกับมาตรการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันสินค้าอาหารที่ผลิตจากประเทศไทยถือเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคให้การยอมรับในเรื่องคุณภาพ ยังถือเป็นสินค้าที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังมีการพัฒนาตลาดและยกระดับการค้าสู่สากล ในรูปแบบต่างๆ เช่น การแต่งตั้งตัวแทน การจัดตั้งสาขา การมีหุ้นส่วนหรือ ผู้ร่วมทุน การขยายแฟรนไชน์ของไทยเข้าไปในตลาดต่างประเทศ การสร้างตราสินค้าของตนเอง รวมทั้งการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบราคาถูกในต่างประเทศ และการสร้างเครือข่ายนักธุรกิจ เพื่อเป็นการลดต้นทุน
อย่างไรก็ตามกรมฯได้รับทราบและติดตามปัญหาและอุปสรรคของอุตสาหกรรมอาหารไทย และแสวงหาแนวทางช่วยเหลือผู้ส่งออก แม้ว่าท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศผู้นำเข้าสำคัญ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปซึ่งประสบปัญหาสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และมีผลให้อัตราแลกเปลี่ยนของเงินเหรียญสหรัฐ และเงินยูโรมีแนวโน้มจะอ่อนค่าลง อาจส่งผลต่อความสามารถในการซื้อสินค้าของผู้บริโภคในตลาดดังกล่าวลดลง ขณะที่ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูง อันเป็นผลจาก สภาวะอากาศที่แปรปรวนทำให้ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมีผลให้ต้นทุนการผลิตและต้นทุนลอจิสติกส์เพิ่มสูง
ประกอบกับภาวะการค้าโลกในปัจจุบัน มีการนำมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษีมาใช้ในการปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศมากขึ้น อาทิเช่น มาตรฐานสุขอนามัยที่เข้มงวดขึ้น มาตรการทางด้านแรงงานและมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มว่าจะมีมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิตมาบังคับใช้กับผู้ผลิต/ส่งออก และภาวะการแข่งขันทางการค้าการลงทุนจากทั่วโลกรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่ยังคงดำเนินธุรกิจส่งออกโดยใช้ราคา F.O.B. เป็นหลัก ทำให้ไม่ได้รับผลประโยชน์ที่เกิดจากมูลค่าเพิ่มและส่วนต่างภายนอกประเทศ รวมไปถึงการขาดแคลนวัตถุดิบเพื่อนำมาใช้ในการผลิต ทำให้ต้องมีการแสวงหาวัตถุดิบมาใช้ในภาคการผลิต สิ่งเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตสินค้า และส่งผลกระทบให้ไทยอาจต้องเสียส่วนแบ่งในตลาดโลก
สำนักประชาสัมพันธ์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โทร.(02) 507-7932-34