งานเทศกาลนิทานในสวนเริ่มจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่กรุงเทพมหานครเมื่อ 9 ปีที่แล้ว และได้ขยายไปจัดยังเมืองใหญ่อย่างจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี 2453 ด้วยความมุ่งหวังอย่างแรงกล้าของมูลนิธิเอสซีจีที่จะสร้างวัฒนธรรมการเลี้ยงลูกด้วยหนังสือในสังคมไทย
มูลนิธิเอสซีจีตระหนักถึงความสำคัญของการนำเอาหนังสือภาพมาใช้พัฒนาสมองลูกน้อยเพราะในแง่วิชาการนั้น ช่วงอายุ 0 — 6 ปี ถือเป็นช่วงเวลาทองที่สมองของมนุษย์จะเติบโตได้ดีที่สุด ดังนั้นหากลูกน้อยของคุณได้รับการกระตุ้นอย่างเหมาะสมด้วยวิธีการที่ง่าย คุ้มค่า และทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือการนำเอาหนังสือภาพดีๆ มาใช้กับลูกอย่างสม่ำเสมอ เพียงวันละ 10-15 นาทีเท่านั้น คุณพ่อ คุณแม่จะเห็นถึงพัฒนาการหรือการเปลี่ยนแปลงที่ดีของลูกน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใครได้ลองทำและเปรียบเทียบจะเห็นว่าเด็กที่ผ่านกระบวนการเล่านิทาน อ่านหนังสือนอกเหนือจากการพัฒนาสมองแล้ว เด็กจะมีทักษะทางภาษาที่ดี มีจินตนาการ แล้วที่สำคัญอย่างยิ่งคือเมื่อเด็กโตขึ้นจะรักการอ่าน เมื่อรักการอ่านแล้วก็จะมีสมาธิ มีหนังสือเป็นเพื่อนได้ ลดการติดเกมส์หรือเครื่องมืออิเลคโทรนิคอีกด้วย
นอกจากงานเทศกาลนิทานในสวนเชียงใหม่จะเต็มไปด้วยหนังสือภาพที่ได้รับการคัดสรรแล้วว่าเหมาะกับเด็กในช่วงวัยต่างๆ เพื่อให้คุณพ่อ คุณแม่ และหนู ได้เลือกอ่านกันอย่างเพลิดเพลิดกันแล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นพระเอกของงานก็คือ ละครนิทาน ซึ่งดัดแปลงเนื้อเรื่องมาจากหนังสือภาพในโครงการนำหนังสือดีสู่เด็กไทยที่ในแต่ละปีมูลนิธิเอสซีจีจะคัดสรรหนังสือภาพระดับโลกที่ได้รับการยอมรับจากนักวิชาการด้านการศึกษา นักสร้างสรรค์หนังสือเด็กทั่วโลกว่ามีทั้งความดีในด้านสาระและมีความงดงามทางศิลปะมาแปลและจัดพิมพ์เป็นภาษาไทย เพื่อจุดประกายพ่อแม่ ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัย ใช้หนังสือภาพเพิ่มพูนพัฒนาการเด็กในราคาที่ทุกครอบครัวสามารถเข้าถึงได้
โดยแต่ละเสาร์ก็แสดงเรื่องที่ต่างกันไป อย่างสัปดาห์แรกเรื่อง‘แพะสามตัว’ที่สามารถเรียกเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือได้มากทีเดียวเด็กๆ จ้องเขม็งไปที่ตัวละครที่กำลังแสดงอยู่เบื้องหน้าพร้อมส่งเสียงเอาใจช่วย บางคนลุกขึ้นยืน บางคนวิ่งไปหาตัวละครราวกับจะเข้าไปร่วมแสดงด้วย แม้กระทั่งผู้ใหญ่เอง หลายคนต่างยอมรับว่านิทานนำพาพวกเขากลับไปในวัยเยาว์อีกครั้งไม่เพียงเท่านี้ ยังมีกิจกรรมที่น่าสนุกอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นการเพ้นท์หน้า ดัดลูกโป่ง วาดภาพระบายสี ตกแต่งถุงผ้า ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นที่ถูกใจของเด็กและพ่อแม่ผู้ปกครองเพราะพวกเขาได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
ภายในงานยังมีคุณหมอและผู้เชี่ยวชาญด้านกิจกรรมเด็กมาร่วมเสวนาไขข้อข้องใจและให้แนวทางการเลี้ยงดูลูกช่วงปฐมวัย ซึ่งเป็นประเด็นที่มีประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างมาก เช่น การเสวนาหัวข้อ “เล่านิทานเสริมสร้างพัฒนาการให้ลูกน้อย”, “เลี้ยงลูกให้อ่อนน้อม”,”รักลูกให้ถูกทางอย่างพ่อแม่มืออาชีพ” เป็นต้น
เด็กๆ และพ่อแม่กว่า 750 ชีวิตทำให้ลานหญ้าใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ดูแน่นไปถนัดตาทุกๆครอบครัวต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่างานสนุก เต็มไปด้วยสาระ และสัญญาว่าจะมาร่วมกิจกรรมอีกแน่นอนอย่างเช่นครอบครัวของคุณแม่สายพิณและคุณพ่อประทีป คำไฝ ที่พาน้องต้นกล้า ลูกชายวัย 6 ปีมางานนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว “พอน้องรู้ข่าวว่าจะมีงานเทศกาลนิทานในสวน ที่เชียงใหม่ก็รบเร้าให้พามาเพราะจำได้ว่าสนุก มีเด็กในวัยไล่เรี่ยกันเยอะ และมีหนังสือให้เลือกอ่านเต็มไปหมด ปกติครอบครัวเราจะเล่านิทานก่อนนอนให้น้องฟังเป็นกิจวัตร ซึ่งตัวดิฉันเองรู้สึกได้ว่าน้องมีพัฒนาการทางภาษาที่ดีมากค่ะ”
อีกครอบครัวหนึ่งก็มากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อแม่และลูกสาว 2 คน ลูกสาวคนโตวัย8 ขวบ คนเล็กวัย5 ขวบคุณแม่กิตติยา ใจดีรัศมี เล่าให้เราฟังด้วยสีหน้าปลื้มใจว่า “เมื่อก่อนพ่อแม่เป็นคนเล่านิทานให้ลูกฟัง หลายครั้งที่ใช้จินตนาการของตัวเองแต่งเนื้อเรื่องขึ้นมาให้ตรงกับหนังสือภาพ แล้วทำเสียงเล็กเสียงน้อยเพื่อดึงความสนใจของลูก ตอนนี้ลูกสาวคนโตก็ทำหน้าที่แทนคุณแม่ โดยการเล่านิทานให้น้องฟัง ทำให้น้องรักหนังสือส่วนพี่ก็อ่านออกเสียงได้ถูกต้องชัดเจนตั้งแต่อยู่ ป.1แล้ว”
พ่อแม่ผู้ปกครองได้ยินอย่างนี้แล้ว หากสนใจก็ตามมาม่วนอ๊กม่วนใจ๋กันได้ที่เทศกาลนิทานในสวนเชียงใหม่ ปีที่ 4 (ไม่มีค่าใช้จ่าย) ในช่วงเย็นวันเสาร์ เวลา 16.00 — 17.30 น. ยังเหลืออีก 3 ครั้ง คือ เสาร์ 16 กุมภาพันธ์ และ 2,9 มีนาคม 2556 (ยกเว้นวันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์) ณ สำนักส่งเสริมฯ
ผู้เฒ่าผู้แก่ในงานบอกเราว่างานนิทานในสวนฮิตแล้วที่เชียงใหม่ คนที่นี่เขาพูดกันว่า “ถ้าอู้บ่ฮู้เรื่อง ก่อไปเซาะหามาอ่านแล่งานนิทานในสวนเนาะ จะได้ฮู้เรื่องกับเปิ้นพ่อง”