สมาคมกอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด วันเอเชีย และเจแปนกอล์ฟทัวร์ ออร์แกไนซ์เซชั่น (เจจีทีโอ) จัดการแข่งขันกอล์ฟอาชีพระดับตำนานของประเทศรายการ “ไทยแลนด์ โอเพ่น” ครั้งที่ 44 และเป็นการร่วมกันจัดการแข่งขันเป็นครั้งแรกของวันเอเชียทัวร์กับเจแปนกอล์ฟทัวร์ ออร์แกไนซ์เซชั่น ซึ่งจะมีการนับอันดับเงินรางวัลที่ได้รับจากรายการนี้เข้ารวมในตารางเงินรางวัลสะสมของทั้งสองทัวร์
ประหยัด มากแสง ซึ่งเคยมีโอกาสลุ้นแชมป์รายการนี้เมื่อปี 2011 จากการขึ้นนำหลังจบรอบ 3 ก่อนถูก อังเดร สโตลซ์ สวิงจากออสเตรเลีย ทำสกอร์เบียดเอาชนะในวันสุดท้าย เขายอมรับว่ารายการนี้มีความหมายกับเขามากที่สุดในปีนี้ หลังจากต้องถอนตัวจากการแข่งขันเมื่อปีที่แล้วเนื่องจากอาการบาดเจ็บ
โปรแถวหน้าของไทยเจ้าของ 3 แชมป์เจแปนทัวร์ ซึ่งอายุครบ 47 ปี เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา กล่าวว่า “ไทยแลนด์ โอเพ่น เป็นรายการที่พิเศษมากสำหรับผมและนักกอล์ฟชาวไทยทุกคน เราลงแข่งขันเพื่อหวังชูถ้วยพระราชทานฯ นอกจากนี้สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันก็เป็นสปอนเซอร์ของผมอีกด้วย ผมผิดหวังที่ต้องถอนตัวในปีที่ผ่านมา แต่ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วผมเล่นได้ดี แข่งกับอังเดรได้สูสี ก่อนที่ผมจะทำได้แค่รองแชมป์ ในปีนี้ผมมั่นใจว่าจะทำได้ดีอีกครั้ง”
ประหยัดกล่าวสนับสนุนความร่วมมือกันของวันเอเชียกับเจแปนกอล์ฟทัวร์ ออร์แกนไนเซซั่น ในครั้งนี้ว่า “เป็นเรื่องที่ดีมากที่เจแปนทัวร์เข้ามาร่วมจัด ไทยแลนด์ โอเพ่น แม้ว่าจะทำให้การคว้าชัยชนะยากขึ้นก็ตาม ผมลงแข่งในเจแปน ทัวร์ ซึ่งมีผู้เล่นเก่งๆ มากมาย จึงเป็นเรื่องดีที่จะได้ประชันฝีมือกันที่เมืองไทย และผมรู้สึกดีมากที่จะได้เล่นต่อหน้าแฟนกอล์ฟชาวไทย หากได้แชมป์ไทยแลนด์ โอเพ่น ก็ถือว่าอาชีพนักกอล์ฟของผมสมบูรณ์แบบแล้ว”
นอกจากประหยัดที่เป็นความหวังของไทยแล้ว ยังมี ถาวร วิรัตน์จันทร์ นักกอล์ฟหมายเลขหนึ่งของเอเชียคนปัจจุบันก็จะร่วมแข่งขันในครั้งนี้ ร่วมด้วยนักกอล์ฟมือพระกาฬอย่าง พาเดร็ก แฮร์ริงตัน ดีกรีแชมป์เมเจอร์ 3 รายการ, พอล แม็คกินลีย์ กัปตันไรเดอร์คัพยุโรป 2014, ชินโกะ คาตายามา อดีตมือหนึ่งเจแปนทัวร์ 5 สมัย, คิม คยุง แต ดาวรุ่งจากเกาหลีใต้ และคริส วูด ที่จะกลับมาป้องกันตำแหน่งแชมป์ด้วยฟอร์มอันแข็งแกร่งหลังคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนทัวร์ได้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา