นายชาตรี สหเวชชภัณฑ์ กรรมการและผู้จัดการ AFET กล่าวรายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่า “AFET ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาตลาดสู่การเป็นศูนย์กลางการซื้อขายล่วงหน้าสินค้าเกษตร รวมทั้งตระหนักถึงบทบาทที่สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการเป็นกลไกการสร้างเสถียรภาพของราคาและราคาอ้างอิงสินค้าที่อยู่ใน AFET ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 6 ประเภท ได้แก่ ข้าวขาว ข้าวหอมมะลิ ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ยางแท่ง มันสำปะหลังเส้น และสับปะรดกระป๋องชิ้นคละ ซึ่งล้วนเป็นสินค้าส่งออกสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ของโลก”
นายชาตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า “การประสานความร่วมมือกับตลาดล่วงหน้าภายในภูมิภาคเดียวกันครั้งนี้ ถือเป็นแห่งที่สอง โดยแห่งแรกได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ Bursa Malaysia Berhad เมื่อปี พ.ศ.2554 ติดตามมาด้วยการประสานความร่วมมือกับ Singapore Mercantile Exchange หรือ SMX เพื่อทั้งสองตลาด จะได้ทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ ความชำนาญ การพัฒนากฎระเบียบ และกลยุทธ์การดำเนินงาน ที่เป็นประโยชน์ในการเพิ่มขีดความสามารถของตลาดล่วงหน้าในภูมิภาคเดียวกัน”
ขณะที่ มร.วี ฮารีฮาราน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Singapore Mercantile Exchange (SMX) กล่าวในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่า “SMX รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีความร่วมมือกับ AFET นำไปสู่การร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงกันเพื่อพัฒนาตลาดล่วงหน้าทั้งสองสู่ระดับอาเซียนในครั้งนี้ SMX มั่นใจว่าทั้ง ผู้ประกอบการชาวไทย นักลงทุน และสมาชิกตลาด จะได้ประโยชน์จากนวัตกรรมสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ ตลอดจนมีข้อมูลในตลาดล่วงหน้าแห่งเอเชียที่เปิดทำการในช่วงเวลาเดียวกัน”
ทางด้านนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในฐานะประธานสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่า “กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญของกลไกการทำงานของตลาดล่วงหน้าสินค้าเกษตร ว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา ตลอดจนการเป็นเครื่องชี้แนวโน้มของราคาสินค้าในอนาคต การยกระดับราคาสินค้าเกษตรและเกษตรกรให้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูล การมีตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าเพื่อเอื้ออำนวยโอกาสในการเข้ามาทำการซื้อขายล่วงหน้า ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายไม่ต้องกังวลใจว่าราคาสินค้าในอนาคตจะปรับตัวขึ้นลง และยังเป็นช่องทางหนึ่งสำหรับนักลงทุน”
ปัจจุบัน AFET มีปริมาณการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 400 สัญญาต่อวัน ในปี พ.ศ. 2555 ที่ผ่านมามีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 79,987 สัญญา คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายรวม 43,746 ล้านบาท โดยมียางแผ่นรมควันชั้น (RSS3) เป็นสินค้าที่มีปริมาณและมูลค่าการซื้อขายสูงสุด และมีช่วงความผันผวนของราคาสูงมากถึงร้อยละ 29.42 ส่วน Singapore Mercantile Exchange หรือ SMX มีสมาชิกโบรกเกอร์ทั้งสิ้น 60 ราย มีมูลค่าการซื้อขายสัญญาเฉลี่ย 8,200 สัญญาต่อวัน โดยในปี พ.ศ. 2555 ที่ผ่านมามีมูลค่าการซื้อขายสัญญารวมทั้งสิ้น 2 ล้านสัญญา คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายรวม 134,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ