เซ็นจูรี่21ฯ ยัน การพัฒนาอสังหาฯ รุ่ง ตามแนวโครงการ High Speed Rail 87.7% ประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก!

จันทร์ ๒๕ มีนาคม ๒๐๑๓ ๐๙:๑๘
เซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) ร่วมกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และการผังเมือง มธ. ศูนย์รังสิต จัดทำผลสำรวจด้านอสังหาริมทรัพย์ชี้ ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสนใจซื้อคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟความเร็วสูงถึง 87.7% เน้นย้ำ อยากให้เส้นกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เกิดก่อน

บริษัท เซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้ แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จัดทำผลสำรวจด้านอสังหาริมทรัพย์ เรื่องความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุด หรือคอนโดมิเนียม แบบใกล้โครงการแนวรถไฟความเร็วสูง (High Speed Rail) ใน 57 พื้นที่ 3 จังหวัดหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี และปทุมธานี โดยผลสำรวจชี้หากภาครัฐเริ่มดำเนินนโยบายเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเมื่อไหร่ มีผลต่อประชาชนในการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าความเร็วสูงถึง 87.8% และอีก 12.3% บอกไม่มีผลต่อการจัดสินใจซื้อ โดยเส้นทางที่ประชาชนในกลุ่มตัวอย่างต้องการให้เกิดขึ้นก่อนเป็นอันดับแรก คือ เส้นทางกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ลำดับที่ 2 เป็นเส้นทางกรุงเทพฯ — นครราชสีมา ลำดับที่ 3 เป็นส้นทางกรุงเทพฯ — หัวหิน และลำดับที่ 4 เป็นเส้นทาง กรุงเทพฯ — ระยอง ซึ่งในตอนนี้หลายฝ่ายให้ความสนใจ ในเรื่องแผนการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟความเร็วสูง(High Speed Rail) และเป็นที่จับตามองอย่างมาก เพราะส่งผลต่อการลงทุนของนักลงทุน และแนวโน้มการพัฒนาในพื้นที่ต่างๆ อีกทั้งมีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจากผลสำรวจประชาชนยังคงสนใจรูปแบบที่อยู่อาศัยแบบคอนโดมิเนียมมากกว่า 50% และอีก 50% ที่เหลือ สนใจบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ ตามลำดับโดยหากเกิดเส้นทางตามโครงการแนวรถไฟความเร็วสูงทั้ง 4 เส้นทางนี้ อาจส่งผลให้นักลงทุนเก็งพื้นที่ทำเลทองตามแนวโครงการ เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยแบบคอนโดมิเนียมเพิ่มมากขึ้น

ด้านนายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มการพัฒนาในมุมมองนักพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่า “สิ่งแรกที่ผู้พัฒนาโครงการ หรือ Developer มองคือเรื่องความเป็นไปได้ของโครงการรถไฟความเร็วสูง (HSR) ที่จะเกิดขึ้น หากมีแนวโน้มสูงและกำหนดสถานีที่ชัดเจน การพัฒนานั้นก็จะเกิดขึ้นได้ชัดเจนตามไปด้วย โดยเฉพาะหัวเมืองต่างๆ ที่เป็น Destination ซึ่งบริเวณรอบๆ สถานีปลายทางก็จะเกิดการพัฒนาก่อนเป็นลำดับแรก ราคาที่ดินจะสูงขึ้น และมีการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้รองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในบริเวณนั้น เช่น Commercial, Residential, Office Building รวมถึง Community Mall ต่างๆ แต่เส้นทางในแต่ละเส้นก็ไม่ได้มีเพียงสถานีปลายทางจุดเดียวที่เป็นจุดสนใจ เพราะในแต่ละจังหวัดใหญ่ๆ ที่เส้นทางรถไฟความเร็วสูงผ่านนั้น จะเกิดการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัดเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะบริเวณรอบสถานีย่อยเหล่านั้น และสิ่งที่ตามมาจากการพัฒนาตามเส้นทางสถานีรถไฟความเร็วสูง คือประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่ เพราะเมืองเกิดการขยายมากขึ้น ไม่กระจุกตัวอยู่ในเมืองเก่า ชุมชนจะขยายมารอบๆ สถานี มีการค้าขาย เกิดเมืองใหม่ และรายได้มีความสะพัดเพิ่มมากขึ้น แน่นอนว่าราคาที่อยู่อาศัย และที่ดินก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย จึงเป็นโอกาสของนักลงทุน และนักพัฒนาในขณะนี้ที่จะเข้าไปจับจองพื้นที่บริเวณรอบๆ สถานีรถไฟความเร็วสูงเพื่อเป็น Land Bank นั่นเอง”

ในขณะนี้ได้มีการคาดการณ์จากหลายฝ่ายถึงเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ว่า มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นก่อนเป็นเส้นทางแรก แต่ในมุมมองของนักพัฒนา มองว่าเป็นเส้นทางที่ยากที่สุด เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่เป็นหุบเขา ทำให้มีความยากลำบากในการสร้างแนวรถไฟความเร็วสูงมากกว่าเส้นทางอื่น ประกอบกับเป็นเส้นทางระยะยาวถึง 745 กิโลเมตร ส่งผลให้มีความยาวนานเรื่องการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA แต่หากเส้นทางนี้ดำเนินการเป็นเส้นทางแรก จะคุ้มค่าแก่การลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเส้นทางระยะไกล และประชาชนจำนวนมากจะได้รับประโยชน์จากเส้นทางนี้ในการเดินทาง การจัดการการขนส่ง (Logistics) และลดการสูญเสียจากการใช้น้ำมัน อีกทั้งผ่านจังหวัดใหญ่ๆ หลายจังหวัด ส่งผลให้เกิดเมืองใหม่ มีการกระจายตัวของชุมชนอย่างชัดเจน เช่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นครสวรรค์ พิษณุโลก ลำปาง เป็นต้น และอีกเส้นทางหนึ่งที่เอื้อต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศนั่นคือ กรุงเทพ-หัวหิน เพราะเส้นทางนี้ จะผ่านจังหวัดท่องเที่ยวอย่าง สมุทรสงคราม (แม่กลอง) และเพชรบุรี ก่อนที่จะไปถึงสถานีปลายทางหัวหิน ทำให้เกิดการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับการขยายตัวของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับในจังหวัดต่างๆ เหล่านี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเดิมอยู่แล้ว ทำให้นักพัฒนามีความเสี่ยงไม่มากหากลงทุนในธุรกิจโรงแรม หรือศูนย์การค้า ส่วนเส้นทางกรุงเทพ-ระยอง ที่เห็นได้ชัดสำหรับเส้นทางนี้คือการทำนิคมอุตสาหกรรม มีชาวต่างชาติเข้าไปทำงานค่อนข้างมาก บริเวณรอบๆ สถานีรถไฟความเร็วสูงจะเกิดโรงแรม ศูนย์การค้า เพื่อมารองรับความต้องการของชาวต่างชาติ นอกจากนั้น เส้นทางนี้ยังผ่านพัทยา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูง จะเกิดการพัฒนามากขึ้นไปอีก เพราะการเดินทางสะดวกรวดเร็วขึ้น และสุดท้ายเส้นทางกรุงเทพฯ-โคราช เส้นทางนี้มีแหล่งท่องเที่ยวเพียงแหล่งเดียว คือ เขาใหญ่ ถึงแม้ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ก็ตาม แต่ไม่คุ้มค่าแก่การลงทุนเท่าใดนัก นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ ไม่ว่าเส้นทางใดจะเกิดขึ้นก่อน ในทุกเส้นทางนั้นย่อมเกิด Oriented Mixed Use Development กล่าวคือ ย่อมเกิด Retail (การค้าขาย), Residential (ที่อยู่อาศัย), Hotel Uses (โรงแรม,ที่พัก), Office (อาคารสำนักงาน) และ MICE: Meeting Incentive Conference and Exhibition (การประชุม) เมื่อทั้ง 5 สิ่งนี้เกิดขึ้นนั่นหมายถึงทุกพื้นที่ย่อมมีการพัฒนาตามไปอย่างแน่นอน และสิ่งที่ประชาชนจะได้รับในลักษณะกายภาพคือ ความสะดวกสบาย และความรวดเร็วในการเดินทาง หากแต่มุมมองของนักลงทุนจะเกิดมูลค่าในอนาคต นับเป็นกำไรในการลงทุนของชีวิตระยะยาว หรือ Long Term Investment นั่นเอง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๐ เม.ย. COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๓๐ เม.ย. GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๓๐ เม.ย. PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๓๐ เม.ย. LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๓๐ เม.ย. ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๓๐ เม.ย. ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๓๐ เม.ย. LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๓๐ เม.ย. SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๓๐ เม.ย. STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๓๐ เม.ย. กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน