MPA นิด้าหวั่น กนง.หั่นดอกเบี้ยนโยบายเสียของ! ชี้ ‘ส่วนต่าง’ ดอกเบี้ยอุปสรรคกระตุ้นเศรษฐกิจ-จี้ดูแลสเปรดแบงก์พาณิชย์

อังคาร ๒๘ พฤษภาคม ๒๐๑๓ ๑๑:๒๖
ผู้อำนวยการหลักสูตร MPA สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) จี้แบงก์ชาติดูแลส่วนต่าง (สเปรด) ดอกเบี้ยแบงก์พาณิชย์ หวั่น กนง. ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่จะกลายเป็นเสียของเปล่าๆ หากแบงก์พาณิชย์ไม่ตอบสนองต่อการตัดสินใจของ กนง. หรือตอบสนองด้วยการลดดอกเบี้ยตาม แต่ลดในอัตราส่วนที่น้อยกว่า ย้ำหากต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ หนุนการลงทุน ต้องดูแลส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้-เงินฝากแบงก์พาณิชย์ให้เหมาะสม

รองศาสตราจารย์ ดร.มนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต (MPA) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่า หลังจากสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ประกาศอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในไตรมาสแรกปี 2556 ที่มีการเติบโต 5.3% ต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ทำให้มีการประเมินว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทยในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ กนง.อาจจะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และเพื่อป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาท รวมถึงยังทำให้อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการค้า การลงทุน และการส่งออกของประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย

อย่างไรก็ตาม มีความเป็นห่วงว่า แม้ว่า ที่ประชุม กนง. จะตัดสินใจปรับลดนโยบายดอกเบี้ยลงมา แต่ก็อาจจะไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ทุกฝ่ายตั้งความหวังไว้ โดยเฉพาะในส่วนของภาคการลงทุนและการส่งออก ที่เป็นฟันเฟืองของเศรษฐกิจที่อาจจะไม่สามารถขับเคลื่อนได้เต็มที่ หากธนาคารพาณิชย์ที่ทำหน้าที่ปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาคเอกชน ไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้สอดคล้องกับทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย

ทั้งนี้ หลายครั้งที่ผ่านมาจะพบว่า ภายหลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติ ธนาคารพาณิชย์มักจะปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากลงมาในอัตราเท่ากับการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่ฝั่งดอกเบี้ยสินเชื่อเงินกู้ กลับปรับลดลงมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งทำให้ภาระต้นทุนทางการเงินของภาคเอกชนไม่ได้ลดลงอย่างที่ควรจะเป็น

“การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติ ไม่ว่าจะเป็น 0.25% หรือ 0.50% จะไม่บรรลุเป้าหมายที่ต้องการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ หากธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ทำหน้าที่ปล่อยสินเชื่อให้แก่การค้าการลงทุนของภาคเอกชน ไม่ยอมปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงมาเท่ากับการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย โดยมุ่งหวังแต่ผลกำไรของธนาคารมากกว่า ทำให้ภาคเอกชนไม่ได้รับประโยชน์จากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอย่างที่ควรจะเป็น” รศ.ดร.มนตรี กล่าว

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่แบงก์ชาติต้องทำหน้าที่กำกับดูแลสถาบันการเงินในประเด็นดังกล่าว โดยดูแลให้ส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเงินกู้และเงินฝาก (สเปรด) ของธนาคารพาณิชย์อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อเอื้อต่อการให้ภาคเอกชนลงทุน และสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๐ เม.ย. มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตอกย้ำปณิธาน สร้างชีวิต มอบเครื่องเล่นสนาม อุปกรณ์ครุภัณฑ์ พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่เด็กนักเรียนในส่วนภูมิภาค ณ โรงเรียนวัดนาร่อง อ.เมือง
๓๐ เม.ย. เฮงลิสซิ่ง จับมือ วิริยะประกันภัย เสนอ ประกันภัยอุ่นใจ ทางเลือกใหม่สำหรับประกันภัยคุ้มครองบ้าน
๓๐ เม.ย. ม.วลัยลักษณ์-สมาคมกีฬาตะกร้ออาวุโส-สมาคมกีฬา จ.นครศรีฯ เอ็มโอยูเตรียมระเบิดศึกตะกร้อเยาวชนฮอนด้า ยูเนี่ยน
๓๐ เม.ย. หลักสูตรการประยุกต์ใช้ NODE-RED ในงานอุตสาหกรรม เชื่อมต่อ CLOUD PLATFORM NEXIIOT
๓๐ เม.ย. ม.วลัยลักษณ์ คว้า 2 รางวัลระดับโลก 3G Award 2024
๓๐ เม.ย. YouTrip เปิดอินไซต์ช่วงหยุดยาวคนไทยแห่เที่ยว ญี่ปุ่น-จีน ยอดใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 150%
๓๐ เม.ย. คณะการท่องเที่ยวฯ DPU ให้ความสำคัญต่องานบริการ จัด HT Makeup Competition 2024 เพิ่มทักษะแต่งหน้าให้กับ นศ.
๓๐ เม.ย. กิจกรรมดี ๆ สำหรับเยาวชนหญิงที่หลงใหลศิลปะการทำอาหาร ในโครงการ Women for Women (WFM) Internship Program ร่วมฝึกงานในร้านอาหารโพทง
๓๐ เม.ย. ผู้ถือหุ้น CIVIL โหวตอนุมัติ จ่ายปันผล 0.012 บาท/หุ้น ทิศทางธุรกิจปี 67 เติบโตต่อเนื่อง
๓๐ เม.ย. PRM จัดประชุม E-AGM ปี 67 อนุมัติจ่ายปันผล 0.26บ./หุ้น