“The Perfect Match for your Acne by La Roche-Posay” เลือก “คู่ที่ใช่” กับปัญหาสิวของคุณ จาก ลา โรช-โพเซย์

ศุกร์ ๒๗ กันยายน ๒๐๑๓ ๑๕:๓๙
“ลา โรช-โพเซย์” แบรนด์หรูจากประเทศฝรั่งเศส ผู้นำในด้านเวชสำอางอันดับต้นๆของโลกที่แพทย์ผิวหนังไว้วางใจ เป็นแบรนด์ที่มีความเข้าใจในผู้มีผิวบอบบาง ระคายเคืองง่ายโดยเฉพาะ โดย คุณผุสดี สุจิตจร ผู้จัดการทั่วไป แผนก Active Cosmetics บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด จัดงาน “The Perfect Match for your Acne by La Roche-Posay” เพื่อแนะนำการ เลือก “คู่ที่ใช่” กับปัญหาสิวของคุณ งานจัดขึ้น ณ โรงแรมเซนต์ รีจิส

โดยได้รับเกียรติจาก นพ.วาสนภ วชิรมน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนัง แผนกผิวหนังและเลเซอร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ร่วมให้คำแนะนำ ไขปัญหาทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับ ‘สิว’ ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย พร้อมคำแนะนำและสาระความรู้ในการป้องกัน ดูแล และรักษาผิวหน้า ร่วมกับพิธีกร โอปอล์- ปณิสรา พิมพ์ปรุ และแขกรับเชิญดาราดัง เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์ และ มัดหมี่-พิมดาว พานิชสมัย นอกจากนี้ เภสัชกร นิวัตร ธีรวิวัฒน์วงศ์ ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ ลา โรช-โพเซย์ ร่วมแนะนำผลิตภัณฑ์ EFFACLAR ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการดูแลผิวมันและผิวที่มีปัญหาสิว สำหรับผู้มีผิวบอบบางระคายเคืองง่าย

ปิดท้ายด้วยการรางวัลแจกให้กับผู้โชคดีจากกิจกรรม The EFFACLAR Game โดย คุณศศิกร ซิมตระกูล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ ลา โรช-โพเซย์ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้มอบรางวัล

คุณผุสดี สุจิตจร ผู้จัดการทั่วไป แผนก Active Cosmetics บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด

“ลา โรช-โพเซย์ ผู้นำในด้านเวชสำอางชั้นนำของโลกที่แพทย์ผิวหนังไว้วางใจ และด้วยความเชี่ยวชาญกว่า 40 ปีที่ La Roche-Posay อุทิศตนเพื่อวิทยาการด้านผิวพรรณ เราจึงมีความรู้ความเข้าใจที่ในสภาพความเป็นจริงที่ผู้ที่มีผิวบอบบาง ระคายเคืองง่ายซึ่งต้องเผชิญอยู่ทุกวัน และวันนี้ ลา โรช-โพเซย์ ได้นำความเชี่ยวชาญมาพัฒนาและรังสรรค์กลุ่มผลิตภัณฑ์เอฟฟาคลาร์ (Effaclar) ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลผิวมันและผิวที่มีปัญหาสิว สำหรับผิวบอบบาง ระคายเคืองง่าย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองปัญหาสิวในทุกชนิด”

นพ.วาสนภ วชิรมน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนัง แผนกผิวหนังและเลเซอร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ให้ข้อมูลทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับ ‘สิว’

สิว เป็นการอุดตันของระบบต่อมไขมันในรูขุมขน ปกติไขมันที่สร้างจากต่อมไขมันจะออกมาตามรูขุมขน หากมีการอุดตันของทางเดินก็จะทำให้เกิดสิวอุดตัน ซึ่งจะพบเป็นลักษณะตุ่มเม็ดเล็กๆ ที่มีลักษณะเป็นไตสีขาว ๆ อยู่ข้างใน หากมีตัวกระตุ้นเพิ่มเติม เช่น แบคทีเรีย อาจจะทำให้เกิดการอักเสบได้ ซึ่งจะกลายเป็นสิวอักเสบ หากการอักเสบเป็นมากขึ้น อาจจะกลายเป็นตุ่มหนอง สิวหัวช้าง และเป็นซีสต์ได้

สาเหตุของสิว โดยรวมแล้วสามารถแบ่งปัจจัยหลักๆได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่

1. ปัจจัยภายในร่างกาย คือ ปัจจัยที่เกิดจากร่างกายเราเอง เช่น ระดับฮอร์โมน, การตอบสนองของร่างกายต่อฮอร์โมน กรรมพันธุ์, พื้นผิวดั้งเดิม, อารมณ์และความเครียด ซึ่งเป็นสิ่งที่มาจากภายในร่างกายเราเอง

2. ปัจจัยภายนอก คือ ปัจจัยที่เกิดขึ้นจากนอกร่างกายของเรา เช่น ยา, ครีมและเครื่องสำอางบางชนิด, สภาพแวดล้อม, แสงแดดและอุณหภูมิ และ อาหาร ซึ่งเราสามารถป้องกันและหลีกเลี่ยงได้

ชนิดของสิวสามารถแบ่งได้ เป็น 2 กลุ่ม ตามลักษณะที่พบ ได้แก่ สิวที่ไม่อักเสบ และสิวที่อักเสบ

หลักการดูแลรักษาสิวมีหลักการง่ายๆ 4 ข้อ ดังนี้

1. หยุดสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวรวมทั้งหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้สิวเป็นมากขึ้น เช่น หากเป็นสิวจากเครื่องสำอาง ควรงดใช้เครื่องสำอางที่ไม่จำเป็น ควรงดบีบสิวเนื่องจากจะทำให้สิวอักเสบมากขึ้นและเป็นรอยดำและแผลเป็นมากขึ้นได้

2. การใช้ยา การเลือกยาสิวไม่ว่าจะเป็นยาทาหรือยารับประทาน ทั้งนี้ขึ้นกับชนิดและความรุนแรงของสิว ซึ่งควรจะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ไม่ควรซื้อยามาใช้เองเนื่องจากจะทำให้ดื้อยาได้

3. การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมการรักษา เช่นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของซาลิซัยลิค แอซิด (Salicylic acid) และไฮดรอกซี่แอซิด (Hydroxyacid) จะช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้เกิดสิว หรือที่มีเขียนข้างฉลากว่า “ไม่ทำให้เกิดสิว หรือ นอนโคมิโดเจนิก (Non-comedogenic)”

4. ต้องใจเย็นและต้องเข้าใจในตัวโรคสิว การรักษาสิวส่วนมากใช้เวลาหลายสัปดาห์ สิวบางชนิดเมื่อหายแล้ว อาจกลับเป็นซ้ำได้ ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุของสิว

การรักษาสิว สามารถแบ่งการรักษาสิวเป็น2ชนิด ได้แก่การรักษาหลักและการรักษาเสริม

1. การรักษาหลักได้แก่การใช้ยา ซึ่งมีทั้งชนิดทาและชนิดรับประทาน ส่วนมากต้องใช้ร่วมกันเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีและลดโอกาสการดื้อยา สำหรับยาชนิดทาที่นิยมใช้ เช่น ยาทาที่มีส่วนผสมของเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ ยาปฏิชีวนะ (เช่น คลินดามัยซิน อีรีโทรมัยซิน) ยาทาที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ (เช่น เตตริโนอิน ไอโซเตตริโนอิน อะดาพาลีน) และยาทาที่มีส่วนผสมของกรดอะเซเลอิค สำหรับยารับประทานที่นิยมใช้คือยากลุ่มปฏิชีวนะ ยากลุ่มฮอร์โมน และยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ การรับประทานยาสิวไม่ว่าจะเป็นยาตัวใดก็ตาม ควรรับประทานติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 3 เดือน หากหยุดยาเร็ว สิวจะกลับมาเป็นใหม่ได้ง่าย

2. การรักษาเสริม

-การกดสิว เป็นการทำให้หัวสิวอุดตันที่มีอยู่ออกเร็วขึ้น เพราะหากปล่อยไว้ อาจทำให้เกิดการอักเสบได้ การกดสิวควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่สะอาดปลอดเชื้อ หากสิวกดออกไม่หมด อาจจะทำให้เกิดการอักเสบภายหลังได้

-การฉีดยาสิว เป็นการฉีดยาเข้าที่เม็ดสิวเพื่อลดการอักเสบในกรณีที่สิวมีการอักเสบมาก มีข้อดีคือหยุดการอักเสบได้เร็ว แต่อาจมีผลข้างเคียงได้คือผิวยุบลงในกรณีที่ฉีดมากเกินไป ซึ่งผิวยุบลงมักจะค่อยๆดีขึ้นได้เอง

-การใช้เลเซอร์ มีการใช้เลเซอร์เสริมเพื่อลดสิวอุดตันและสิวอักเสบบางประเภท ทำให้เห็นผลการรักษาที่เร็วขึ้น

คำแนะนำสำหรับผู้ที่เป็นสิว ควรปฏิบัติตนตามข้อแนะนำข้างต้น ที่สำคัญไม่ควรซื้อยามาใช้เอง เนื่องจากสิวมีหลายชนิด หลายประเภท การซื้อยามาใช้เองอาจเป็นการรักษาที่ไม่ตรงจุด ทำให้เสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ไม่ควรใจร้อนในการรักษารอยสิวและแผลเป็น ตราบใดที่สิวยังไม่หาย ยังมีสิวใหม่ขึ้นเรื่อยๆ ก็จะมีรอยตามมาได้อีก ดังนั้นจึงควรจัดการกับสิวก่อนที่จะจัดการกับรอย เมื่อมีสิวควรจะรีบรักษาเพราะหากปล่อยไว้จนอักเสบลุกลาม จะทำให้เกิดแผลเป็นถาวรได้

พงศกร เมตตาริกานนท์ และ พิมดาว พานิชสมัย ร่วมเคล็ดลับการดูแลผิวให้ปลอดจากสิว

เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์

“ปัญหาของผมคือหน้ามัน และมักจะเป็นสิวอักเสบทุกครั้งที่นอนดึก ส่วนตัวต้องหมั่นซับหน้าบ่อยๆ แล้วก็พยายามนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ พยายามไม่นอนดึกครับ แต่เนื่องจากพอได้มาถ่ายละครก็ควบคุมเรื่องเวลานอนนี้ได้ไม่มากนัก เมื่อเวลาเป็นสิวอักเสบก็จะทายาแต้มสิว หรือไปพบแพทย์บ้างครับ”

มัดหมี่-พิมดาว พานิชสมัย

“มัดหมี่เองมีลักษณะผิวหน้าแบบหน้ามันเงา และมีปัญหารูขุมขนอุดตันบ้าง จึงพยายามล้างหน้าให้สะอาดค่ะ และเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่คิดว่าสามารถแก้ปัญหาสิวอุดตันได้ เมื่อเวลาเป็นสิวอักเสบก็พยายามไม่สัมผัสโดน และใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดสิวบ้างค่ะ แต่ถ้ามีปัญหามากจริงๆ ก็จะไปพบแพทย์ค่ะ”

เภสัชกร นิวัตร ธีรวิวัฒน์วงศ์ ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ ลา โรช-โพเซย์ แนะนำเคล็ดลับสำหรับการดูแลผิวมัน และมีสิว ให้ห่างไกลจากปัญหาสิว

ผิวมัน ควรรักษาความสะอาดโดยล้างหน้าวันละ 2 - 3 ครั้งก็เพียงพอเพื่อลดความมันบนใบหน้า เวลาล้างหน้าไม่ควรถูแรงๆ ไม่ควร scrub และที่สำคัญควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนเหมาะกับผิว ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

สำหรับผิวมัน ที่ระคายเคืองง่าย ไม่ควรใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ควรเลือกที่เป็นสูตร alcohol-free, oil-free, paraben--free และ non-comedogenic

สิวระยะต้น หรือไม่รุนแรง (Mild Acne) อาจทาครีมกลุ่มเวชสำอางที่มีส่วนผสมของกรดความเข้มข้นไม่มาก เช่น LHA (Lipo-Hydroxy Acid) เพื่อทำให้มีการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ลดการอุดตันของสิว และ ลดรอยดำคล้ำจากสิวได้

แสงแดดเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้มีน้ำมันส่วนเกินและความชื้นบนผิว อันก่อให้เกิดสิวและระคายเคืองผิวได้ สิ่งสำคัญสุดต้องใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดร่วมด้วยเป็นประจำทุกวัน และเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่เป็นชนิด fluid และชนิดเจล (gel) ซึ่งเหมาะสำหรับคนผิวมัน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง