ทวินไพน์ คว้าโครงการออกพันธบัตรในรูปสกุลเงินบาทล็อตที่ 2 ของ สปป.ลาว วงเงิน 3,000 ล้านบาท ระยะเวลาไถ่ถอนสูงสุด 5 ปี คาดว่านักลงทุนจะจ่อคิวชิงซื้อ

พฤหัส ๑๔ พฤศจิกายน ๒๐๑๓ ๑๘:๔๘
บริษัท ทวินไพน์ คอลซัลติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินชั้นนำของไทยแห่งแรก ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการวางกลยุทธ์ระดมเงินทุนข้ามพรมแดนและบริการโซลูชั่นทางการเงินโมเดลใหม่ สำหรับตลาดทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับการแต่งตั้งจากกระทรวงการเงิน สปป. ลาว อีกครั้ง เพื่อออกพันธบัตรในรูปสกุลเงินบาทในประเทศไทยเป็นรอบที่ 2 ในมูลค่าสูงถึง 3,000 ล้านบาท มีระยะเวลาไถ่ถอน 3-5 ปี และอัตราดอกเบี้ยตอบแทนใกล้เคียงกับครั้งแรก (4.5%) เพื่อจำหน่ายในลักษณะแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement:PP) ให้แก่กลุ่มนักลงทุนสถาบัน และกลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) โดยโครงการออกพันธบัตรลาวครั้งนี้ถือเป็นการแสดงศักยภาพของตลาดทุนไทยที่พร้อมจะก้าวสู่การเป็นแหล่งระดมเงินทุนข้ามพรมแดนที่สำคัญในภูมิภาคนี้ เมื่อก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558

นายอดิศร สิงห์สัจจะ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทวินไพน์ คอลซัลติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า “หากวิเคราะห์ในเชิงเสถียรภาพทางการเมืองและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ จะพบว่า สปป.ลาว มีความมั่นคงในการเมืองอย่างมาก และมีอัตราการเติบโตของ GDP อยู่ในระดับสูงกว่า 7% ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา (2545-2554) และตั้งเป้าไว้ที่ปีละ 8% ระหว่างปี 2554-2558 ประกอบกับมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่หลายโครงการ (ประเทศไทยมีการลงทุนในประเทศลาวจัดอยู่ 1ใน 3 เมื่อคิดจากมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI) นอกจากนี้ รัฐบาลลาวยังมีนโยบายสนับสนุนให้มีการเติบโตในภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และภาคธุรกิจบริการ อย่างต่อเนื่องและยังมีความพยายามที่จะลดหนี้สาธารณะให้ต่ำลงอีกปัจจัยหลายประการเหล่านี้ จะทำให้นักลงทุนในประเทศไทยมีความมั่นใจในการลงทุนในพันธบัตรลาวเพราะมีความเสี่ยงต่ำ”

สปป.ลาว ได้จำหน่ายพันธบัตรลาวในสกุลเงินบาท มูลค่า 1,500 ล้านบาท ระยะเวลาไถ่ถอน 3 ปี อัตราดอกเบี้ยตอบแทน 4.5% ครั้งแรก เมื่อ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีทวินไพน์ คอนซัลติ้ง เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีเอ็มบี เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย ผลปรากฎว่า จำนวนพันธบัตรลาวในสกุลเงินบาทที่นำออกจำหน่ายในล็อตแรกมีไม่เพียงพอกับความต้องการ เพราะคำสั่งซื้อจากนักลงทุนสถาบันมีสูงมากกว่า 2.7 เท่า (หรือคิดเป็นประมาณ 4,000 ล้านบาท)

จากความสำเร็จในการระดมเงินทุนข้ามพรมแดนของกระทรวงการเงิน สปป.ลาว ในครั้งแรกดังกล่าว ทำให้ สปป.ลาว เห็นความเป็นไปได้ที่จะระดมทุนเพิ่มสำหรับนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ จึงตัดสินใจที่จะออกพันธบัตรลาวในสกุลเงินบาทเป็นรอบที่ 2 ในเดือนพฤศจิกายน ในวงเงินที่เพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ล้านบาท มีระยะเวลาไถ่ถอนอย่างน้อย 3 ปี สูงสุด 5 ปี และมีอัตราดอกเบี้ยตอบแทนที่น่าสนใจ เพื่อจำหน่ายในลักษณะเจาะจงให้แก่กลุ่มนักลงทุนสถาบัน อาทิ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย กลุ่มบริษัทพลังงาน กลุ่มกองทุน รวมถึงกลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) โดยมีบริษัท ทวินไพน์ คอนซัลติ้ง จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน พร้อมด้วยธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีเอ็มบี เป็นผู้ประสานงานและผู้จัดการการจัดจำหน่ายร่วมกับ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งแม้ว่าพันธบัตรลาวดังกล่าวจะไม่มีการทำเครดิตเรทติ้ง แต่อัตราดอกเบี้ยที่เสนอขาย เทียบเท่ากับพันธบัตรที่ได้อันดับเครดิตเรทติ้งในระดับที่ลงทุนได้

นายอดิศร กล่าวเสริมว่า “การออกพันธบัตรลาวในรูปสกุลเงินบาทเป็นช่องทางที่ทำให้ สปป. ลาวจะได้ประโยชน์จากการที่ได้เงินทุน (non-concessional finance) มาใช้ในการพัฒนาโครงการพื้นฐานของประเทศ และให้ความคล่องตัวสูงกว่าการขอวงเงินกู้สินเชื่อโครงการ (Project Finance) จากสถาบันการเงิน ขณะที่ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากการที่ได้สร้างพันธบัตรรูปแบบใหม่ สร้างความหลากหลายให้ตลาดพันธบัตรไทย นอกจากนี้ การออกพันธบัตรลาวในประเทศไทยยังเป็นธุรกรรมการระดมเงินทุนข้ามพรมแดนประเทศที่กำลังถูกจับตามองจากประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง อย่างเช่น พม่า และกัมพูชา ที่อาจจะสนใจเข้ามาระดมทุนในประเทศไทยแทนการพึ่งพาแหล่งเงินทุนอื่นเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในอนาคต”

ท้ายสุด นายอดิศร ได้ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับเหตุผลที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นแหล่งระดมเงินทุนข้ามพรมแดนที่สำคัญ เมื่อก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 นั้น ว่าประเทศไทยมีข้อได้เปรียบประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ หลายด้าน ได้แก่

1. ตลาดทุนในประเทศไทยที่มีขนาดใหญ่ เงินลงทุนหมุนเวียนสูง ภาคการเงินมีความมั่นคง

2. ประเทศไทยมีนโยบายสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนในภูมิภาคนี้ ซึ่งแม้ว่าอันดับเครดิตของรัฐบาล สปป.ลาว ยังไม่ได้รับการจัดอันดับในตลาดตราสารหนี้ กระทรวงการคลังของประเทศไทยได้ให้การยกเว้นเพื่ออนุมัติให้เข้ามาระดมทุนออกพันธบัตรได้

3. ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) ได้มีการออกกฎระเบียบใหม่ที่อนุญาตให้นักลงทุนประเภท Accredited Investors (AI) สามารถซื้อตราสารหนี้ที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (non-rated issues) ได้

4. บุคลากรทางด้านการเงินและการลงทุนที่มีความรู้ความสามารถสูง

5. ปริมาณเงินออมในประเทศไทยอยู่ในระดับที่สูงและเอื้อต่อการระดมทุน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน