นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) เผย กลุ่มผู้ซื้อทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติยังเชื่อมั่นศักยภาพการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในทำเลเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อการลงทุนภายหลังการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จึงทำให้ยอดขายคอนโดมิเนียมในทำเลสุขุมวิทตอนต้นและตอนกลาง, เพลินจิต, วิทยุ, สาทร และสีลม ยังคงเติบโต เนื่องจากอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินและความต้องการสูงขึ้นทุกปี อีกทั้งยังสามารถปล่อยเช่าแก่ชาวต่างชาติได้ในอัตราสูงเพราะเดินทางสะดวกและใกล้แหล่งธุรกิจ
“โครงการคอนโดมิเนียมของแสนสิริที่ตั้งอยู่สุขุมวิทตอนกลางก็ได้รับอานิสงส์นี้ด้วยเช่นกัน โดยเราได้ปิดการขายโครงการ “เวีย 31 (Via 31)” มูลค่าโครงการ 570 ล้านบาท และ “เวีย 49 (Via 49)” มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาทไปเมื่อไม่นานมานี้ ล่าสุดโครงการ “เวีย โบทานี (Via Botani)” คอนโดมิเนียมพร้อมเข้าอยู่สไตล์โมเดิร์น มูลค่าโครงการ 950 ล้านบาท หนึ่งใน Aesthetic Collection บนทำเลศักยภาพสุขุมวิท 47 – 49 ได้ปิดการขายและมียอดโอน 100% โดยผู้ซื้ออันดับหนึ่ง คือ ชาวไทยที่ซื้ออยู่เองและปล่อยเช่าแก่คนญี่ปุ่น เนื่องจากทำเลสุขุมวิท 31 – 55 เป็นพื้นที่ที่มีชุมชนชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่หนาแน่น จึงมีการตอบรับในเรื่องการเช่าของชาวญี่ปุ่นในระดับสูง ขณะที่โครงการ “วายน์ สุขุมวิท (WYNE Sukhumvit)” หนึ่งใน Live with Attitude Collection มูลค่าโครงการ 1,850 ล้านบาท ก็มียอดขายแล้วถึง 99% และคาดว่าจะสามารถปิดโครงการในปีนี้”
“แสนสิริเชื่อมั่นว่าตลาดซื้อและตลาดเช่าของคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯ ชั้นในยังสามารถเติบโตได้อีกในปีหน้า โดยบริษัทจะสนับสนุนให้บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกรุกธุรกิจซื้อ ขายและปล่อยเช่าแก่ลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับความต้องการด้านที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี” นายเศรษฐา กล่าวทิ้งท้าย