Kiehl’s Since 1851ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณและเส้นผมแบรนด์เก่าแก่จากนิวยอร์ค และได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั่วโลกในคุณภาพมากว่า 160ปีจับมือกับอลิเชีย คีส์(Alicia Keys)ศิลปินใจบุญ เจ้าของ14 รางวัลแกรมมี่ และKeep a Child Alive องค์กรไม่แสวงกำไรที่อลิเชีย คีส์ร่วมก่อตั้งขึ้นในปี 2003 เพื่อให้เด็กที่ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) เข้าถึงการเยียวยารักษาและได้รับการดูแลเอาใจใส่ด้วยความเคารพในคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ในการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์Midnight Recovery Concentrateรุ่นพิเศษ เพื่อนำรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยไม่หักค่าใช้จ่าย มอบสมทบทุนมูลนิธิ Keep a Child Aliveโดยผลิตภัณฑ์รุ่นพิเศษนี้ประดับด้วยพวงกุญแจคล้องจี้รูปตัว ‘K’ สลักข้อความเชิญชวนจากอลิเชีย คีส์ “Join our movement”ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของเธอในอันที่จะส่งเสริมให้ทุกคนใช้สิทธิของตนเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในการต่อสู้กับโรคเอดส์
วางจำหน่ายเดือนมกราคม 2557ในแบบลิมิเต็ด เอดิชั่น
MIDNIGHT RECOVERY CONCENTRATE
(30 มล. 2,400 บาท)
เพียงคืนละสองหยด เพื่อผิวหน้าแลดูอ่อนเยาว์ขึ้นในชั่วข้ามคืน
- เซรั่มเข้มข้นจากพืชสมุนไพรธรรมชาติ 99.8%สำหรับเวลากลางคืนอันทรงประสิทธิภาพฟื้นบำรุงผิวหน้าตลอดคืนดั่งน้ำอมฤต
- ผิวฟื้นคืนสภาพอย่างเห็นได้ชัดในตอนเช้า
- ซึมซาบสู่ผิวทันที เพื่อผิวดูเรียบเนียนและเปล่งปลั่งขึ้น
- 99.8% ของส่วนผสมมาจากธรรมชาติ ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน
- บรรจุในขวดแก้วรีไซเคิล พร้อมก้านหยดและฝาบีบ
ผู้สนใจสามารถร่วมช่วยเหลือเพื่อให้เด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีได้รับการดูแลรักษา ผ่านการอุดหนุนผลิตภัณฑ์ Midnight RecoveryConcentrate รุ่นพิเศษของคีลส์ การซื้อMidnight Recovery Concentrate หนึ่งขวด จะช่วยให้Keep a Child Alive จัดหายาให้การดูแล และมอบความรักแก่เด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีได้หนึ่งเดือน
นอกเหนือจากการเยียวยารักษาแล้ว ในการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวียังมีความจำเป็นด้านอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การเดินทางไปยังคลินิก การให้อาหารบำรุงสุขภาพ (ซึ่งมักจะเป็นอาหารมื้อแรกของวัน)การจัดกิจกรรมสันทนาการเพื่อช่วยให้เด็กๆ มีชีวิตอยู่อย่างมีความหวัง และพร้อมรับมือกับความท้าทายในการใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อเอชไอวีตลอดจนการฝึกทักษะพื้นฐานให้กับมารดา เพื่อให้พวกเธอมีทุนรอนไว้เลี้ยงดูและช่วยเหลือบุตรในอนาคต
“Keep a Child Alive ทำงานเพื่อให้โลกใบนี้เป็นโลกที่ทุกคนดำรงชีวิตอย่างมีความสุขได้แม้จะเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีก็ตาม”อลิเชีย คีส์ กล่าว“พันธมิตรที่ให้การสนับสนุนอย่างคีลส์คือสมาชิกสำคัญของครอบครัวที่ขยายใหญ่ขึ้นของเรา พันธมิตรเหล่านี้มีความปรารถนาเดียวกันกับเรา นั่นคือการช่วยให้เด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีเข้าถึงการเยียวยารักษาและการดูแลเอาใจใส่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ด้วยความเคารพในคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ รวมถึงให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ แก่ครอบครัวของเด็กที่ติดเชื้อ ทุกกิจกรรมที่เราขับเคลื่อน ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ล้วนก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง และผลักดันให้การได้รับบริการด้านสุขภาพเป็นสิทธิพื้นฐานประการหนึ่งตามหลักสิทธิมนุษยชนคืบหน้าไปอีกขั้น”
“คีลส์เริ่มทำงานเพื่อต้านการระบาดของโรคเอดส์และเชื้อเอชไอวีมาตั้งแต่ทศวรรษ 1980ยุคที่แม้แต่การพูดถึงโรคนี้ก็เป็นเรื่องต้องห้าม ในช่วง 10ปีที่ผ่านมาเราเรี่ยไรเงินเพื่อการกุศลได้มากกว่า2,500,000 ดอลลาร์ สหรัฐฯ”เชอรีล วิตาลี (Cheryl Vitali) ผู้จัดการทั่วไปของคีลส์เวิล์ดไวลด์ กล่าว “เราภูมิใจที่ได้ทำกิจกรรมเพื่อการกุศลครั้งสำคัญนี้ร่วมกับ Keep a Child Aliveองค์กรซึ่งทำงานบนหลักการที่ว่าคนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับการบริการด้านสุขภาพและเด็กทุกคนสมควรมีอนาคตที่สดใส”
“Keep a Child Alive เป็นองค์กรเล็กๆ จึงช่วยเราให้ทำงานได้คล่องตัว เข้าถึงจุดที่มีความต้องการเร่งด่วนที่สุดได้รวดเร็วเพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาโดยชุมชนเอง”ปีเตอร์ ทไวแมน (Peter Twyman)ซีอีโอของ Keep a Child Alive กล่าว “เราทำงานกันอย่างชัดเจนและฉับไว โดยมีอลิเชีย คีส์เป็นทูตสากล เราใช้เสียงของเรากระตุ้นจิตสำนึกและระดมทรัพยากรเพื่อรับประกันว่าเด็ก ครอบครัว และชุมชนจะดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีความหวังต่ออนาคตการร่วมมือกับบริษัทต่างๆ อาทิ คีลส์สำคัญอย่างยิ่งต่องานที่เราทำและเราคงทำงานให้สำเร็จลุล่วงไปไม่ได้หากขาดซึ่งแรงสนับสนุนจากพันธมิตรเหล่านี้”
แม้ว่าในทศวรรษที่ผ่านมา ผู้ป่วยโรคเอดส์/ผู้ติดเชื้อเอชไอวีจะเข้าถึงการเยียวยามากขึ้น— เมื่อสิบปีก่อนผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่ในประเทศที่มีรายได้ปานกลางถึงต่ำได้รับการรักษาเพียง 0.13% แต่ปัจจุบันเพิ่มเป็น 54%— ทว่าโรคเอดส์ยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงที่สุดของโลก ข้อมูลทางสถิติยังแสดงให้เห็นด้วยว่า หากไม่ได้รับการเยียวยา ครึ่งหนึ่งของเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีจะเสียชีวิตตั้งแต่อายุไม่ถึง 2 ปี และ80% จะเสียชีวิตก่อนอายุห้าปี เด็กมากกว่า16ล้านคนเป็นกำพร้าเนื่องจากโรคเอดส์สถิติที่น่าตระหนกนี้แสดงให้เห็นชัดว่ายังมีงานอีกมากที่ต้องทำเพื่อช่วยเหลือเด็กและครอบครัวซึ่งยังคงต้องเผชิญผลกระทบนานาประการจากไวรัสชนิดนี้ต่อไป