เอฟทีเอ ว็อทช์ ชี้ การเจรจา ‘การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ’ ใน เอฟทีเอ ไทย-อียู น่าห่วง

พฤหัส ๑๗ เมษายน ๒๐๑๔ ๑๘:๕๑
ตามที่ไทยและสหภาพยุโรปได้เจรจาเอฟทีเอระหว่างรอบ เมื่อวันที่ 8-11 เม.ย.ที่ผ่านมา ณ กรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม นั้น กลุ่มเอฟทีเอ ว็อทช์ เรียกร้องให้ปลัดพาณิชย์จัดประชุมคณะทำงาน 3 ฝ่ายเพื่อติดตามการเจรจา หลังมีประเด็นน่าห่วงเพิ่ม คือ การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

นางสาวกรรณิการ์ กิจติเวชกุล ผู้ประสานงานกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาพประชาชน (เอฟทีเอ ว็อทช์) เปิดเผยว่า จากการชี้แจงของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อนเดินทางไปเจรจา ระบุว่า เป็นการเจรจาเชิงเทคนิค ไม่มีการผูกมัดใดๆเพราะเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการ และไม่มีการเจรจาในประเด็นอ่อนไหว คือ ที่เกี่ยวกับยา ความหลากหลายทางชีวภาพ สินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น เหล้า บุหรี่ รวมถึงการคุ้มครองการลงทุนที่จะมีผลต่อการทำลายนโยบายสาธารณะคุ้มครองประชาชน แต่ภาคประชาสังคมยังมีข้อห่วงใยเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

“อยากเรียกร้องให้คุณศรีรัตน์ รัฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งไปทำหน้าที่หัวหน้าคณะเจรจารอบนี้ จัดการประชุมคณะทำงาน 3 ฝ่าย ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ให้เร็วที่สุด เพราะตั้งแต่รับหน้าที่ปลัดฯ ยังไม่มีการเรียกประชุมเลย โดยเฉพาะประเด็นการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (Government Procurement) ซึ่งทางสหภาพยุโรปต้องการเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างทุกระดับ โดยอ้างเรื่องความโปร่งใสและขจัดการคอรัปชั่น แต่สาระหลักที่อียูต้องการ คือ การเข้าถึงตลาดการจัดซื้อจัดจ้างทุกประเภท ทั้งสินค้าและบริการ ทุกระดับ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น อ้างเรื่องความโปร่งใส ห้ามเลือกปฏิบัติต่อนักลุงทุนไทย ห้ามอุดหนุน SMEs ห้ามบังคับว่าต้องใช้สินค้าที่ผลิตในไทย มาตรฐานต้องเป็นไปตามสหภาพยุโรปทั้งหมด ห้ามมีข้อยกเว้นแม้กับการจัดซื้อจัดจ้างที่เกี่ยวเนื่องกับสวัสดิการสังคม ขณะที่กฎหมายอียูหลบเลี่ยงการเข้าถึงตลาดของนักธุรกิจไทยด้วย 'การแบ่งซื้อแบ่งจ้าง' ให้ก้อนงบประมาณเล็กลงไม่ต้องเปิดกว้าง ขณะที่กฎหมายไทยไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้งบประมาณแผ่นดินในการดูและประชาชนและสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการในประเทศ โดยที่อาจไม่ได้แก้ปัญหาคอรัปชั่นตามอ้างเลย”

ผู้ประสานงานเอฟทีเอ ว็อทช์ กล่าวว่า จากรายงานการต่อต้านคอรัปชั่นของสหภาพยุโรป (EU Anti-Corruption Report) ที่เพิ่งเผยแพร่ชี้ให้เห็นว่า มาตรฐานแบบสหภาพยุโรปไม่ได้แปลว่า จะสามารถขจัดคอรัปชั่นได้ เพราะพบว่า การคอรัปชั่นในอียูสร้างความเสียหายถึง 120,000 ล้านยูโร

“ข้อเสนอของรายงานเพื่อการขจัดคอรัปชั่นของสหภาพยุโรปฉบับนี้ ไม่ได้เสนอให้ทำตามที่อียูต้องการใน FTA แต่เสนอให้สร้างการตรวจสอบถ่วงดุล การควบคุมภายในที่เข้มข้น การจัดการกับผลประโยชน์ทับซ้อน นี่จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ ไม่ใช่รัฐข้อเรียกร้องด้าน Government Procurement แบบที่อียูต้องการ ดังนั้น การเจรจาจึงควรทำการศึกษาเรื่องนี้อย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้เพลี่ยงพล้ำในการเจรจา”

ผู้ประสานงานเอฟทีเอ ว็อทช์ ยังฝากถึงภาคเอกชนไทยว่า ไม่ควรกดดันคณะเจรจาว่าต้องเร่งการเจรจาเพื่อให้สามารถต่อสิทธิพิเศษทางการค้า (จีเอสพี)ให้ได้ทันภายในปีนี้ เพราะภาคเอกชนรู้มานานแล้วว่า ไทยพัฒนาเกินกว่าที่จะได้สิทธิพิเศษที่มีให้กับประเทศด้อยพัฒนาเท่านั้นจึงควรปรับตัว แทนที่จะมากดดันและเรียกร้องให้แลกผลประโยชน์สาธารณะกับผลประโยชน์ทางธุรกิจเฉพาะกลุ่ม

ทั้งนี้ เมื่อเดือนมี.ค. มีการรายงานผลศึกษาผลกระทบด้านสุขภาพจากเอฟทีเอไทย-สหภาพยุโรป 'การประเมินผลกระทบต่อการค้าและการลงทุน’ ของสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติพบว่า สินค้าที่ไทยส่งออกไปอียูส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรม คิดเป็นร้อยละ 93 ของสินค้าทั้งหมดในจำนวนผู้ส่งออกรายใหญ่ 25 อันดับแรก มีผู้ ส่งออกเพียง 5 รายที่เป็นบริษัทสัญชาติไทย นอกจากนี้ยังพบว่า การส่งออกไทยไม่ได้ใช้ประโยชน์จาก GSP อย่างเต็มที่ใช้สิทธิแค่ร้อยละ 63 ในส่วนการบริการ มีเพียงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้ดุลจากอียู นอกนั้นขาดดุลอย่างต่อเนื่อง

ส่วนที่ 2 ศึกษาบทบาทของ GSP ต่อการส่งออกของไทยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก พบว่า ปี 55 การใช้สิทธิ GSP เพื่อการส่งออกช่วยประหยัดภาษีศุลกากรคิดเป็นมูลค่า 84 ล้านดอลลาร์ แต่เมื่อวิเคราะห์สมการถดถอยเพื่อประเมินผลกระทบของ GSP ที่มีต่อการส่งออกโดยควบคุมปัจจัยอื่น เช่น GDP ของอียู ภาษีศุลกากร อัตราแลกเปลี่ยน อัตราเงินเฟ้อ พบว่า อัตราการเติบโตของ GDP ของอียูมีผลต่อการส่งออกไทยอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่พบว่า GSP มีผลต่อการส่งออกอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด แต่ในรายอุตสาหกรรม GSP มีผลกับอุตสาหกรรมรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์

การศึกษาส่วนที่ 3 ไปดูประสบการณ์หลังทำเอฟทีเอกับสหภาพยุโรปใน 4 ประเทศ คือ ชิลี เม็กซิโก แอฟริกาใต้ และเกาหลีใต้ พบว่าแม้ว่า การค้าและการลงทุนของทั้ง 4 ประเทศจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ผลคาดการณ์โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ชี้ว่า การเจรจาการค้าเสรีไม่ใช่ปัจจัยที่ส่งผลต่อการส่งออกไปยังยุโรป และการลงทุนจากสหภาพยุโรปอย่างมีนัยสำคัญ และมีผลในทางลบด้วยซ้ำ

งานวิจัยผลกระทบด้านสุขภาพจากเอฟทีเอไทย-สหภาพยุโรป: การประเมินผลกระทบต่อการค้าและการลงทุน' ดำเนินโดย หัวหน้าทีมผู้วิจัย ดร.อินทิรา ยมาภัย โครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง