เกาะติดวุฒิสภา: 'ส.ว.วิบูลย์' แนะลดสัดส่วนก๊าซในการผลิตไฟฟ้า เพื่อความมั่นคงของประเทศ

พุธ ๓๐ เมษายน ๒๐๑๔ ๑๗:๕๙
เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2557 ที่ผ่านมา รายการเกาะติดวุฒิสภา วิทยุรัฐสภา ได้สัมภาษณ์ ส.ว.วิบูลย์ คูหิรัญ ประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา อดีตผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยในด้านอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการนั้น ส.ว.วิบูลย์ ระบุว่าคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา มีอำนาจหน้าที่พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ กระทำกิจการ พิจารณาสอบสวน หรือ ศึกษาเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับการบริหาร การส่งเสริมพัฒนา การจัดหา การใช้ การอนุรักษ์พลังงานการแสวงหาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก การศึกษาผลกระทบและแนวทางการแก้ไขปัญหาอุปสรรคจากการจัดหาและการใช้พลังงาน ความมั่นคงด้านพลังงาน และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ส.ว.วิบูลย์ระบุต่อไปว่า ในการดำเนินงานที่ผ่านมาของคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา ก็ได้มีการศึกษาติดตามในหลายๆ เรื่อง เทคโนโลยีใหม่ๆ เกี่ยวกับพลังงาน เช่น การนำสาหร่ายมาผลิตเป็นน้ำมันที่มีหลายหน่วยงานเริ่มศึกษาวิจัย ไม่ว่าจะเป็นสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) รวมทั้งการพัฒนาอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพจากสาหร่ายน้ำมันของบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง และบริษัท ล็อกซเล่ย์ ด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้พบว่ายังอยู่ในขั้นศึกษาวิจัยมีต้นทุนต่อลิตรสูงอยู่

นอกจากนี้ยังมีการศึกษาเรื่องอิเล็คโตรแมกเนติกส์ ซึ่งทางคณะกรรมาธิการได้ไปดูงานเครื่องต้นแบบมา แต่ก็ยังมีความกังขาด้านทฤษฎีความเป็นไปได้อยู่แต่ก็จะติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป ส่วนเรื่องสมาร์ทกริดนั้นทางคณะกรรมาธิการก็ให้ความสนใจเพราะจะช่วยเรื่องเพิ่มประสิทธิภาพของอุตสาหกรรมไฟฟ้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการผลิตไฟฟ้า การส่ง การจำหน่ายหรือแจกจ่ายไฟฟ้าและบริการผู้ใช้ไฟฟ้า

ในเรื่องของพลังงานทดแทนนั้นพบว่าปัจจุบันรัฐบาลให้การสนุบสนุนอยู่หลายเรื่อง เช่น การผลิตไฟฟ้าจากหญ้าเนเปียร์ ทั้งนี้การสนับสนุนให้ปลูกหญ้าเนเปียร์เพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานทดแทน ซึ่งกระทรวงพลังงานเคยตั้งเป้าการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากหญ้าเนเปียร์ไว้ถึง 10,000 เม็กกะวัตต์ ซึ่ง 1 เม็กกะวัตต์นั้นจะต้องใช้พื้นที่ปลูกประมาณ 700 - 1,000 ไร่ โดย ส.ว.วิบูลย์ ให้ความเห็นว่าจะต้องมีการศึกษาวิจัยนำร่องก่อน แล้วค่อยทยอยทำในแต่ละพื้นที่ และหากจะทำจริงๆ ก็อาจจะต้องเพิ่มโรงไฟฟ้าอีกถึง 10,000 โรง ซึ่งจะต้องพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์ประกอบโรงไฟฟ้าในประเทศควบคู่ไปด้วย เพื่อช่วยลดต้นทุนการนำเข้าอุปกรณ์จากต่างประเทศ

ทั้งนี้ ส.ว.วิบูลย์ มองว่าพลังงานทดแทนที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของประเทศก็คือการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะหรือน้ำเสียของโรงงานต่างๆ หรือน้ำเสียจากการจากการผลิตด้านการเกษตร มาหมักเป็นก๊าซหรือทำเป็นเชื้อเพลิงอัดเป็นก้อนหรือ (RDF) ไปใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าก็จะช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมไปในตัวอีกด้วย

ในประเด็นความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า ส.ว.วิบูลย์ ระบุว่าปัจจุบันนี้ประเทศไทยใช้ก๊าซในการผลิตพลังงานไฟฟ้าในสัดส่วนที่สูงเกินไป ควรจะมีการเพิ่มสัดส่วนตัวเลือกของชนิดเชื้อเพลงของโรงไฟฟ้าเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นถ่านหินหรือพลังงานทางเลือกอื่นๆ เพิ่มการรับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากน้ำของประเทศเพื่อนบ้านที่มีศักยภาพสูงไม่ว่าจะเป็นลาวหรือพม่า และท้ายสุดอาจจะหนีไม่พ้นที่จะต้องสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งเทคโนโลยีและบุคคลากรของเรามีความพร้อมมากกว่าประเทศเพื่อนบ้านที่มีโครงการที่จะสร้างอยู่แล้ว ทั้งนี้ในภูมิภาคนี้คงจะเลี่ยงพลังงานไฟฟ้าจากนิวเคลียร์ไม่ได้ และหากจะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ก็ควรที่จะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อควบคุมมาตรฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป้นการก่อสร้าง การใช้เทคโลยีที่ปลอดภัย และต้องควบคุมให้ได้ตามมาตรฐานนั้นๆ ด้วย.

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน