ทั้งนี้ พบว่ารายได้ดังกล่าวข้างต้นส่วนใหญ่เป็นรายได้จากกรมธรรม์ประกันชีวิตระยะสั้น อาทิ กรมธรรม์ได้ใจ 3/2 , สมาร์ทเซฟเวอร์ 10/1 และสมาร์ทเซฟเวอร์ 3 (5/1) เป็นต้น ซึ่งคาดว่าปัจจัยหลักเป็นเพราะคุณลักษณะเฉพาะของกรรมธรรม์ดังกล่าวที่ให้ผลตอบแทนสูงและให้ความคุ้มค่าแก่ลูกค้า ที่สำคัญไปกว่านั้นคือระยะเวลาในการชำระเบี้ยที่สั้น
นายนริศ กล่าวด้วยว่า บูธเมืองไทยประกันชีวิตในงานมันนี่เอ็กซ์โปครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปท์ ‘เชื่อมโยงชีวิต เชื่อมต่อความสุข กับทุกไลฟ์สไตล์ของคุณ’ ตามนโยบายบริษัทฯ ที่มุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำ “Digital Insurer” เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้มีความทันสมัยสามารถสนับสนุนและเป็นเครื่องหมายด้านการขาย “ตัวแทน” ได้อย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน ที่ต้องการรับการบริการด้วยความรวดเร็ว และสะดวกสบาย ผ่านผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ ทั้งประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ การประกันภัย การลงทุนควบการออม และภายในงานยังได้จัดโซนพื้นที่เพื่อบริการให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่ก้าวสู่วัย 50 ขึ้นไป ที่ต้องการวางแผนทางการเงิน ซึ่งได้รับความสนใจอย่างดีเกินคาดจากผู้เข้าร่วมงาน
นอกจากนี้ นายนริศ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า คาดว่าทิศทางของอุตสาหกรรมประกันชีวิตและประกันภัยจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากข้อมูลสรุปจากคณะผู้จัดงานมหกรรมมันนี่เอ็กซ์โปครั้งนี้ ที่พบว่ายังมีประชาชนจำนวนมากถึงกว่า 900,000 คน ให้ความสนใจเข้าใช้บริการทางการเงินและการลงทุนในงานตลอดทั้ง 4 วัน โดยเฉพาะในวันเสาร์และวันอาทิตย์ ที่มีผู้เข้าชมงานและใช้บริการมากที่สุดซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่จะใช้บริการทางการเงินและการลงทุนที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง