ผลกระทบของการปรับราคาขายปลีก LPG ต่อระบบเศรษฐกิจ

อังคาร ๑๐ มิถุนายน ๒๐๑๔ ๑๖:๑๑
ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยผลงานวิจัยเรื่อง "การวิเคราะห์ผลกระทบของการปรับราคาขายปลีก LPG ต่อระบบเศรษฐกิจด้วยแบบจำลอง CGE” ซึ่งงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากนโยบายของรัฐบาลที่มีเป้าหมายในการปรับราคาขายปลีก LPG ภาคครัวเรือน และภาคขนส่ง ให้เป็น 24.83 บาท/กก. โดยใช้แบบจำลอง Computable general equilibrium (CGE model) หรือแบบจำลองคำนวณดุลยภาพทุกส่วน ในส่วนแรกจะเป็นการวิเคราะห์ว่าหลังจากที่มีการปรับราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2556 จนถึงปัจจุบันซึ่งทำให้ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้นจาก 18.13 บาท/กก. เป็น 22.63 บาท/กก. นั้นจะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในปี 2557 อย่างไรบ้าง สำหรับในส่วนที่ 2 จะเป็นการวิเคราะห์ว่าหลังจากนี้หากมีการปรับราคาขายปลีก LPG ในภาคครัวเรือนและภาคขนส่งเป็น 24.83 บาท/กก. เศรษฐกิจในปี 2558 จะได้รับผลกระทบต่อเนื่องอย่างไรบ้าง

ในส่วนแรกผลของการปรับราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มขึ้นจาก 18.13 บาท/กก. เป็น 22.63 บาท/กก. ต่อเศรษฐกิจปี 2557 สรุปได้ดังนี้ GDP ณ ราคาคงที่ จะลดลง 0.03% จากแนวโน้มเดิม (เช่น ถ้าคาดว่า เศรษฐกิจปี 2557 จะโต 3.00% ด้วยผลของการปรับราคาก๊าซหุงต้ม เศรษฐกิจปี 2557 จะโต 2.97%) ขณะที่GDP ที่เป็นตัวเงิน เพิ่มขึ้น 0.04% (หรือเพิ่มขึ้น 4,760 ล้านบาท) ดัชนีราคาผู้บริโภคหรืออัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.09% การบริโภคครัวเรือน ณ ราคาคงที่ ลดลง 0.13% การบริโภคครัวเรือนที่เป็นตัวเงินลดลง 0.04% (หรือลดลง 2,593 ล้านบาท) อรรถประโยชน์หรือความพอใจครัวเรือนลดลง 0.39% ชั่วโมงการจ้างงานลดลง 0.05% ปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้มของครัวเรือนลดลง 18.45% ปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้มของภาคบริการลดลง 22.03% การนำเข้า LPG ลดลง 5.92% (อัตราการนำเข้า LPG มีแนวโน้มจะลดลงครั้งแรกในรอบ 10 ปี) การใช้ไฟฟ้าของภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น 3.04% และการใช้ถ่านและฟืนของครัวเรือนเพิ่มขึ้น 1.90%

สาขาเศรษฐกิจที่ได้ประโยชน์จากนโยบาย 5 อันดับแรก ได้แก่ ฟืนและถ่าน ไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ป่าไม้และผลิตภัณฑ์จากป่า และโรงแยกก๊าซและโรงกลั่นน้ำมัน

ขณะที่สาขาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบทางลบจากนโยบายมากที่สุด ได้แก่ ค้าปลีก (โดยเฉพาะค้าปลีกก๊าซหุงต้ม) และภาคบริการ (โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร)

ผลของการปรับราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มขึ้นจาก 18.13 บาท/กก. เป็น 22.63 บาท/กก. ต่อเศรษฐกิจปี 2557

ตัวชี้วัดเศรษฐกิจ %การเปลี่ยนแปลงจากแนวโน้มเดิม

GDPณ ราคาคงที่(Real GDP) -0.03

GDPที่เป็นตัวเงิน(Nominal GDP) +0.04

ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) +0.09

การบริโภคครัวเรือนณ ราคาคงที่ -0.13

การบริโภคครัวเรือนที่เป็นตัวเงิน -0.04

อรรถประโยชน์ครัวเรือน(Utility) -0.39

ชั่วโมงการจ้างงานเฉลี่ย -0.05

ปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้มของครัวเรือน -18.45

ปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้มของภาคบริการ -22.03

การนำเข้าLPG -5.92

การใช้ไฟฟ้าของภาครัวเรือน +3.04%

การใช้ถ่านและฟืนของครัวเรือน +1.90

สาขาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบมากสุดต่อผลตอบแทนจากการลงทุนจากแนวโน้มเดิม ในปี 2557 จากการปรับราคาก๊าซหุงต้ม

อุตสาหกรรมที่ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมที่ได้ผลตอบแทนลดลง

ฟืนและถ่าน ค้าปลีก(โดยเฉพาะค้าปลีกก๊าซหุงต้ม)

ไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ภาคบริการ(โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร)

ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน

ป่าไม้และผลิตภัณฑ์จากป่า

โรงแยกก๊าซและโรงกลั่นน้ำมัน

ผลของการปรับราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มขึ้นจาก 22.63 บาท/กก. เป็น 28.43 บาท/กก. และ ราคาขายปลีก LPG ภาคขนส่ง ขึ้นจาก 21.38 บาท/กก. เป็น 28.43 บาท/กก. ต่อเศรษฐกิจปี 2558

ตัวชี้วัดเศรษฐกิจ %การเปลี่ยนแปลงจากแนวโน้มเดิม

GDPณ ราคาคงที่(Real GDP) -0.009

GDPที่เป็นตัวเงิน(Nominal GDP) +0.007

ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) +0.03

การบริโภคครัวเรือนณ ราคาคงที่ -0.08

การบริโภคครัวเรือนที่เป็นตัวเงิน -0.05

อรรถประโยชน์ครัวเรือน(Utility) -0.24

ชั่วโมงการจ้างงานเฉลี่ย -0.01

ปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้มของครัวเรือน -8.65

ปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้มของภาคบริการ -10.40

ปริมาณการใช้LPGของภาคขนส่งทางถนน -16.98

ปริมาณการใช้LPGของรถยนต์ส่วนตัว -18.71

การนำเข้าLPG -5.84

การใช้ไฟฟ้าของครัวเรือน +1.31

การใช้ถ่านและฟืนของครัวเรือน +0.87

การใช้เชื้อเพลิงของภาคขนส่งทางถนน -0.48

การใช้เชื้อเพลิงของรถยนต์ส่วนตัว -0.13

สาขาเศรษฐกิจที่จะได้รับผลกระทบมากสุดต่อผลตอบแทนจากการลงทุนจากแนวโน้มเดิม ในปี 2558 หากปรับราคา LPG ตามเป้าที่ 28.43 บาท/กก.

อุตสาหกรรมที่ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมที่ได้ผลตอบแทนลดลง

ฟืนและถ่าน ค้าปลีก(โดยเฉพาะค้าปลีกLPG)

ไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ขนส่งทางถนน

ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ภาคบริการ(โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร)

โรงแยกก๊าซและโรงกลั่นน้ำมัน

ไบโอดีเซลและเอทานอล

ในส่วนที่ 2 คาดการณ์ผลของนโยบายปรับราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มขึ้นจาก 22.63 บาท/กก. เป็น 28.43 บาท/กก. และ ราคาขายปลีก LPG ภาคขนส่ง ขึ้นจาก 21.38 บาท/กก. เป็น 28.43 บาท/กก. ต่อเศรษฐกิจปี 2558 สรุปได้ดังนี้ GDP ณ ราคาคงที่ จะลดลงเพียง 0.009% จากแนวโน้มเดิม GDP ที่เป็นตัวเงิน เพิ่มขึ้น 0.007% (หรือ 833 ล้านบาท) ดัชนีราคาผู้บริโภคหรืออัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.03% การบริโภคครัวเรือน ณ ราคาคงที่ ลดลง 0.08% การบริโภคครัวเรือนที่เป็นตัวเงินลดลง 0.05% % (หรือ 3,238 ล้านบาท) อรรถประโยชน์หรือความพอใจครัวเรือนลดลง 0.24% ชั่วโมงการจ้างงานลดลง 0.01% ปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้มของครัวเรือนลดลง 8.65% ปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้มของภาคบริการลดลง 10.40% การนำเข้า LPG ลดลง 5.84% การใช้ไฟฟ้าของภาครัวเรือนเพิ่มขึ้น 1.31% การใช้ถ่านและฟืนของครัวเรือนเพิ่มขึ้น 0.87% การใช้เชื้อเพลิงของภาคขนส่งทางถนนลดลง 0.48% และการใช้เชื้อเพลิงของรถยนต์ส่วนตัวลดลง 0.13%

สาขาเศรษฐกิจที่ได้ประโยชน์จากนโยบาย 5 อันดับแรก ได้แก่ ฟืนและถ่าน ไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โรงแยกก๊าซและโรงกลั่นน้ำมัน และไบโอดีเซลและเอทานอล

ขณะที่สาขาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบทางลบจากนโยบาย 3 อันดับแรก ได้แก่ ค้าปลีก (โดยเฉพาะค้าปลีก LPG) ขนส่งทางบก และภาคบริการ (โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร)

สรุป: การปรับราคาขายปลีก LPG จะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคเพียงเล็กน้อย โดยการเติบโตของเศรษฐกิจที่แท้จริงและการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนลดลง รวมถึงชั่วโมงการจ้างงานโดยเฉลี่ยลดลง เนื่องจากเงินเฟ้อปรับสูงขึ้น ส่งผลต่อเนื่องให้อรรถประโยชน์หรือความสุขของครัวเรือนลดลง ดังนั้นการที่รัฐมีมาตรการช่วยเหลือครัวเรือนรายได้น้อยและกลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยในการใช้ก๊าซหุงต้มราคาถูกจึงเป็นมาตรการที่บรรเทาผลกระทบที่ตรงจุดเนื่องจากเป็นกลุ่มที่อ่อนไหวต่ออัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น

ในส่วนของระดับจุลภาคพบว่า ปริมาณการใช้ LPG ของครัวเรือน ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจขนส่งทางถนน ลดลง ส่งผลต่อเนื่องให้การใช้พลังงานในภาคขนส่งลดลง การนำเข้า LPG มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ขณะเดียวกันก็มีการหันไปใช้พลังงานอื่นๆ เช่น ถ่านและฟืน ไฟฟ้า น้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ

ข้อเสนอแนะ: กองทุนน้ำมันมีประโยชน์ในการรักษาเสถียรภาพราคาพลังงานในประเทศไม่ให้ผันผวนสูง แต่ไม่ควรใช้เพื่อการบิดเบือนกลไกราคาพลังงานมากเกินไปซึ่งในท้ายที่สุดจะเกิดปัญหาสะสมตามมาและแก้ไขได้ยากในภายหลัง ดังนั้นรัฐบาลควรมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้สอดคล้องกับราคาตลาดโลกและโครงสร้างภาษีเชื้อเพลิงที่เหมาะสม รวมถึงสอดคล้องกับการส่งเสริมพลังงานทดแทนต่างๆ ที่ประเทศไทยมีศักยภาพ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๓๑ PROUD จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567
๑๖:๑๑ BEAUTY จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ตั้งเป้ายอดขาย 750 ล้านบาท
๑๖:๑๖ ผู้ถือหุ้นใหญ่ SPREME พร้อมใจ Lock Up 100%
๑๖:๐๑ SMT ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผถห. อนุมัติทุกวาระ ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บ./หุ้น
๑๖:๐๙ สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ (STI) พัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เดินเครื่องอบรมด้านภาษา มุ่งสู่การทำงานระดับสากล
๑๖:๓๒ JTS ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567
๑๖:๐๗ กทม. ขออนุญาต กทพ. ปรับปรุงพื้นที่ใต้ทางด่วนแยกพงษ์พระรามเป็นสวนหย่อม
๑๖:๒๙ กทม. เร่งช่วยเหลือชาวชุมชนพัฒนาใหม่ที่ประสบเหตุเพลิงไหม้ พร้อมปรับปรุงแผนเผชิญเหตุ เพิ่มประสิทธิภาพดับเพลิงในชุมชน
๑๖:๑๑ กรมส่งเสริมการเกษตร ชูทุเรียนทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัด
๑๖:๓๓ PRM นับถอยหลังขึ้น XD 7 พ.ค.นี้ รับปันผล 0.26บ./หุ้น