ความร่วมมือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในพันธกิจของไอบีเอ็มในการช่วยสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อาเซียนกำลังจะเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียว ภายใต้ความร่วมมือนี้ ผู้เชี่ยวชาญของไอบีเอ็มจะถ่ายทอดทักษะความรู้ด้านอนาไลติกส์ให้แก่อาจารย์ผู้สอน พร้อมนำองค์ความรู้จากไอบีเอ็มเข้าร่วมพัฒนาวิชาในสาขาที่เกี่ยวข้อง 36 รายวิชา โดยเริ่มจากคณะในสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ นักศึกษาและอาจารย์จะได้รับประโยชน์จากศูนย์บ่มเพาะความเป็นเลิศ หลักสูตรการเรียนการสอน การอบรม การสอบรับประกาศนียบัตร และการฝึกงานในสิ่งแวดล้อมจริงทางธุรกิจ ทั้งยังสามารถใช้ซอฟต์แวร์และคลาวด์ในฐานะโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยคาดว่าปีนี้จะมีนักศึกษากว่า 5,000 คนที่ได้เรียนรู้ทักษะที่จะมีประโยชน์สำหรับอนาคตเหล่านี้
ขณะเดียวกัน ไอบีเอ็มและทีเอ็มเอจะร่วมกันเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงบัณฑิตจบใหม่ที่มีความรู้ความสามารถเข้ากับองค์กรธุรกิจ พร้อมช่วยให้ภาคธุรกิจสามารถเข้าใจและใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมบิ๊กดาต้าและอนาไลติกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิผลและประสิทธิภาพในการดำเนินงานโดยเฉพาะในยุคดิจิตอลที่ผู้บริโภคมีความรอบรู้
ซึ่งรูปแบบที่มุ่งเน้นเชิงธุรกิจในลักษณะเดียวกันนี้จะเป็นแนวทางแก่มหาวิทยาลัยแม่โจ้สำหรับการจัดตั้งศูนย์บ่มเพาะความเป็นเลิศด้านสหวิทยาการการเกษตรและโซลูชั่นอัจฉริยะ (Agricultural Interdisciplinary & Smart Solutions: AISS) เพื่อเชื่อมโยงบัณฑิตและผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้ากับความต้องการของธุรกิจท้องถิ่น พร้อมทั้งให้คำปรึกษาแก่เกษตรกร ผู้ประกอบการ และหน่วยงานราชการท้องถิ่น เพื่อสร้างรูปแบบธุรกิจด้านการเกษตรที่ยั่งยืนโดยอาศัยเทคโนโลยีอนาไลติกส์
“วิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้คือการเป็นศูนย์การเรียนรู้สำหรับประชาชนภายใต้แนวคิดความพอเพียงและพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน และการพัฒนาความรู้ในสาขาอนาไลติกส์จะมีส่วนช่วยให้สามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้” ผศ.ดร.จาตุพงศ์ วาฤทธิ์ กล่าวเพิ่มเติม