สมศ. ร่วมกับสำนักงานคลังสมอง วปอ. เพื่อสังคม ระดมความคิดแก้วิกฤติการศึกษาไทย

อังคาร ๐๘ กรกฎาคม ๒๐๑๔ ๑๔:๑๑
สมศ. ร่วมตกผลึกสำนักงานคลังสมอง วปอ. ใช้ผลประเมินคุณภาพการศึกษา กำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการศึกษา ให้มหาวิทยาลัยไทยเข้มแข็งเทียบเท่าระดับโลกได้ เผยกังวลปัญหาคุณภาพการศึกษาไทยอยู่ในขั้นวิกฤต ชี้ ๓ สาเหตุหลัก ประกอบด้วย นโยบายภาครัฐไม่มีความต่อเนื่อง ขาดการควบคุมทั้งเรื่องคุณภาพและปริมาณ แจงพบมหาวิทยาลัยเปิดนอกที่ตั้งเกลื่อน ตกเขียวเด็ก ปล่อยคะแนน G-PAX เฟ้อหวังช่วยเด็กเข้าศึกษาต่อได้มากขึ้น เกรงแก้ปัญหาเพียงภาพรวม แต่สาเหตุหลักขาดการจัดการที่แท้จริง เสนอกระทรวงศึกษาธิการออกมาตรการคุมกำเนิดมหาวิทยาลัย แก้ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กทั่วประเทศ ช่วยยกระดับคุณภาพตั้งแต่รากฐานก่อนส่งต่ออุดมศึกษา พร้อมประกาศตัวบ่งชี้ฯ รอบสี่เน้นคนดี มีศักยภาพ

ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ. เปิดเผยถึงผลการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสำนักงานคลังสมอง วปอ. เพื่อสังคมเกี่ยวกับการศึกษาไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับสถานะของมหาวิทยาลัยไทย เมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในเอเชีย ซึ่งได้นำเสนอให้เห็นว่า ปัญหาคุณภาพการศึกษาไทยในภาพรวมที่ปัจจุบันซึ่งถือเป็นจุดอ่อนจนอาจถึงขั้นวิกฤติ มีสาเหตุหลักสำคัญ ๓ ประการ คือ ๑. การขาดความต่อเนื่องเชิงนโยบายจากการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย ๒.การขาดการกำกับเชิงปริมาณในทุกระดับ และ ๓.ขาดการควบคุมเชิงคุณภาพ ดังจะเห็นได้จากการที่มหาวิทยาลัยใหม่ๆ หลายแห่ง มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วแบบไร้ทิศทาง ทั้งในเรื่องของการบริหารโครงสร้างการเรียนการสอน หลักสูตร การเปิดสอนทั้งในเวลาและนอกเวลา ในที่ตั้ง นอกที่ตั้ง ที่เป็นไปในลักษณะเชิงธุรกิจมากขึ้น

ดัวยปัจจุบันมหาวิทยาลัยมีการแข่งขันสูงมากทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ การขาดการควบคุมเชิงคุณภาพ เกิดจากการกระจายอำนาจให้กับสภามหาวิทยาลัย ในขณะที่สภามหาวิทยาลัยแต่ละแห่งมีคุณภาพแตกต่างกัน บางแห่งมีการบริหารงานลักษณะเป็นระบบครอบครัว การอนุมัติหลักสูตรจัดการศึกษานอกที่ตั้งมีจำนวนมากขึ้นแต่กลับไม่มีคุณภาพ มีการตกเขียวเด็กตั้งแต่เรียนมัธยมศึกษาปีที่ ๔ เพื่อให้ได้จำนวนเด็กเข้าเรียนโดยไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพ ถือเป็นประเด็นปัญหาที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและส่งผลกระทบต่อผู้เรียนในเรื่องการยอมรับและการได้งานทำ ดังนั้นกระทรวงศึกษาธิการจำเป็นต้องหามาตรการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยกำกับและควบคุมคุณภาพและจำนวนที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมดของไทย

“ปัจจุบันธุรกิจการศึกษาน่าเป็นห่วงมาก การศึกษากลายเป็นสินค้า ความผูกพันระหว่างครูอาจารย์กับศิษย์ห่างหายไป กระทบชีวิตและวัฒนธรรมที่ดีงามที่มีแต่ดั้งเดิม การทดสอบเด็กไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพที่แท้จริง เห็นได้จากการที่นำ G-PAX มาเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการสอบ admission เพื่อเข้าสู่มหาวิทยาลัย ซึ่งพบว่าผลสอบ G-PAX เฉลี่ยเพิ่มขึ้นทุกปี โดยขณะนี้ทั้งประเทศมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ ๓ กว่า เป็นเพราะสถานศึกษาต้องการให้เด็กของตนเองสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ นอกจากนี้การผลิตบัณฑิตไม่ได้เป็นไปตามความต้องการของตลาดหรือสังคม (demand side) แต่เป็นการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เรียน (supply side) ดังนั้นในอนาคตจะมีบัณฑิตจำนวนมากที่ตกงาน แต่ในขณะเดียวกันสังคมกลับขาดแคลนแรงงานหรือวิชาชีพที่จำเป็นเมื่อเข้าสู่การเปิดเสรีประชาคมอาเซียน”

ผู้อำนวยการ สมศ. กล่าวต่อว่า นโยบายเงินเดือนปริญญาตรี ๑๕,๐๐๐ บาท ถือเป็นสิ่งที่ดีในการเพิ่มระดับรายได้ของคนจบปริญญาตรี แต่ในทางกลับกันได้ส่งผลกระทบต่อนโยบายการเพิ่มผู้เรียนเข้าศึกษาต่อด้านการอาชีวศึกษาโดยตรง เพราะเด็กทุกคนจะมุ่งเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีกันหมด ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่การเปิดเสรีประชาคมอาเซียนและต้องการเพิ่มสัดส่วนอาชีวศึกษาให้มากขึ้นเพื่อรองรับภาคธุรกิจอุตสาหกรรม ส่วนอีกนโยบายที่เป็นการทำลายระบบคุณภาพคือการไม่มีตกซ้ำชั้น ซึ่งสถิติเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ในปัจจุบันมีมากถึง ๓๐ เปอร์เซ็นต์ทั่วประเทศ แต่นักเรียนสามารถเลื่อนชั้นได้เพราะดำเนินตามนโยบายนี้ ส่งผลกระทบโดยตรงกับตัวป้อนเข้าสู่ระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาที่อ่อนแอลง

“ในการแก้ไขปัญหาคุณภาพการศึกษา ส่วนใหญ่ถูกมองในภาพรวมและดำเนินในลักษณะองค์รวม แต่ความจริงปัญหาเกิดขึ้นที่ถือเป็นสาเหตุหลักๆ และเป็นรากฐานของตัวป้อนที่จะเข้าสู่อุดมศึกษาและวิชาชีพ ขณะนี้ประเทศไทยมีโรงเรียนขั้นพื้นฐานกว่า ๓๐,๐๐๐ แห่ง เป็นโรงเรียนขนาดเล็กประมาณ ๑๔,๐๐๐ แห่ง และมีครูไม่ครบชั้น ดังนั้นทางออกของการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้ ควรเร่งบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ส่งเสริมสนับสนุนให้มีความพร้อมโดยเฉพาะด้านงบประมาณจะต้องเพิ่มสัดส่วนให้มากกว่าโรงเรียนในเมือง เพราะมีความขาดแคลนมากกว่า แต่ปัจจุบันยังคงจัดสรรให้เท่ากัน ซึ่งไม่ได้ส่งเสริมให้เกิดคุณภาพที่ควรจะเป็น”

สำหรับบทบาทการประเมินคุณภาพภายนอกของ สมศ. ในการทำหน้าที่ประเมินสถานศึกษาอย่างน้อย ๑ ครั้งในทุก ๕ ปี ที่ผ่านมาได้สร้างผลกระทบให้เกิดการพัฒนาต่อสถานศึกษาได้ในระดับหนึ่ง แต่อาจมีหลายหน่วยงานที่ไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิด คิดว่า สมศ. ไปแย่งเวลาสอนของครู และไม่เห็นด้วยกับการมี สมศ. แต่ความจริง สมศ. ทำหน้าที่ยืนยันผลการประเมินภายในของสถานศึกษา พบว่า มีเพียงกลุ่มเล็กๆ ที่ประสบผลสำเร็จในการประกันคุณภาพภายใน จึงอาจต้องมีการทบทวนระบบการประกันคุณภาพภายในให้เกิดประสิทธิผลมากขึ้น

“ในส่วนของการพัฒนาตัวบ่งชี้ และเกณฑ์การให้คะแนนการประเมินคุณภาพภายนอก รอบสี่ (พ.ศ.๒๕๕๙ – ๒๕๖๓) ของทั้ง ๓ ระดับ คือ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ด้านการอาชีวศึกษา และระดับอุดมศึกษา ขณะนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยจะเน้นคุณภาพการจัดการศึกษาทุกระดับที่ศิษย์ ระดับอุดมศึกษาสะท้อนถึงเรื่องความเป็นคนดีของนิสิต นักศึกษา และคุณภาพอาจารย์ ด้านการอาชีวศึกษา มุ่งเน้นในเรื่องทักษะที่เหมาะสมสำหรับอาชีพและการมีงานทำ การศึกษาขั้นพื้นฐานให้เด็กอ่านออกเขียนได้ โดยภาพรวมของทุกระดับจะมีตัวบ่งชี้เท่ากันคือ ๒๐ ตัวบ่งชี้และมีการเชื่อมโยงกับนโยบายของ คสช. ทั้งเรื่องวินัย คุณธรรม จริยธรรม ทักษะชีวิต การมีงานทำ และน้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ ซึ่งในการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสี่ยังคงเน้นที่ผลลัพธ์และผลผลิตเป็นสำคัญ สำหรับเรื่องของกระบวนการให้ความสำคัญกับหน่วยงานต้นสังกัดกับระบบประกันภายในเป้าหมายสำคัญ”

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง
๐๓ พ.ค. มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เดินหน้า โครงการบ้านชื่นสุขสร้างสุขผู้สูงอายุ ตอกย้ำ ความกตัญญู
๐๓ พ.ค. รีเล็กซ์ โซลูชันส์ เผยกลุ่มค้าปลีกและผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคยังไม่ใช้ศักยภาพของ AI มากนัก
๐๓ พ.ค. กทม. บูรณาการหน่วยงานเร่งแก้ปัญหาเด็กเช็ดกระจก-ขายของริมถนน ใช้สหวิชาชีพแก้ปัญหารายครอบครัว