วันนี้ บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นวันแรก โดยเปิดตลาดที่ระดับ 5.40 บาท เพิ่มขึ้น 2.10 บาท หรือ 63.64 % จาก IPO ที่ 3.30 บาทต่อหุ้น และระหว่างวันได้ปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 5.65 บาท และปิดตลาดที่ระดับ 4.32 บาท เพิ่มขึ้น1.02บาท หรือ 30.91% จากราคา IPO และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 3,741.83 ล้านบาท
ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY เปิดเผยว่าวันนี้ได้รับการต้อนรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก คงเป็นเพราะนักลงทุนมองเห็นแนวโน้มในอนาคตธุรกิจของ RICHY จะขยายตัวได้อีกมาก จากปริมาณความต้องการของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มหันมาซื้อที่อยู่อาศัยใกล้แนวรถไฟฟ้า ซึ่งแนวโน้มการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางยังมีอย่างต่อเนื่องก็ทำให้โอกาสทางธุรกิจของ RICHY เติบโตควบคู่กันไป และการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะทำให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น มีฐานทุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งเงินส่วนนี้บริษัทจะนำไปซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ทั้งจำนวนโดยไม่มีการนำไปชำระหนี้เก่าแต่อย่างใด
“ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนไป โดยหันมาให้ความสำคัญกับที่อยู่อาศัยใกล้ระบบขนส่งมวลชน จากความต้องการที่เปลี่ยนไปนี้ ส่งผลให้โครงการของ RICHY ซึ่ง 90% เป็นคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า ทำให้อัตราการขายของแต่ละโครงการอยู่ในระดับสูงกว่า 80-90% ขึ้นไป และมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยจากปี 2555-2556 ที่ 37.7% และกำไรสุทธิเฉลี่ยที่ 16.9% แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการหาทำเลที่มีศักยภาพ และการควบคุมต้นทุนก่อสร้างและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อสร้างเสร็จก่อนกำหนด” ดร.อาภา กล่าว
ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน RICHY ระบุว่าสาเหตุที่ทำให้สร้างผลงานได้น่าประทับใจ โดยให้ผลตอบแทนมากถึง …… % ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการกำหนดราคา IPO ที่เหมาะสม ประกอบกับ RICHY เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และในอนาคตมีแผนจะพัฒนาโครงการใหม่อยู่เสมอบนทำเลใกล้แนวรถไฟฟ้า ซึ่งถือว่าเป็นทำเลศักยภาพ และเชื่อว่าหุ้น RICHY จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องหลังจากเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไปแล้ว
“ชื่อเสียงของ RICHY จากนี้ จะเป็นที่รู้จักและยอมรับมากยิ่งขึ้นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และการระดมทุนครั้งนี้ทำให้บริษัทมีฐานทุนที่แข็งแกร่ง สามารถนำไปขยายโครงการใหม่เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น ซึ่งคาดว่าการเติบโตจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นได้ภายในปีนี้ เพราะจะขยายโครงการใหม่ทันที ดังนั้น RICHY จึงถือเป็นหุ้นน้องใหม่ที่น่าสนใจ และน่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้” ดร.ประสิทธิ์ กล่าวในที่สุด