สมาคมสปาไทย จัด “เวิลด์สปา แอนด์ เวล-บีอิ้ง คอนเวนชั่น 2014” มหกรรมสปาและสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน

พุธ ๒๗ สิงหาคม ๒๐๑๔ ๑๗:๓๕
สมาคมสปาไทย จับมือกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จัดงาน World Spa & Well-being Covention 2014 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และเป็นครั้งแรกของการผนึกกำลังร่วมกับงาน Beyond Beauty ASEAN-Bangkok 2014 มหกรรมแสดงสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน รวบรวมผู้ผลิตและผู้ประกอบการด้านสปาและสุขภาพจากหลายประเทศทั่วโลกกว่า 400 แบรนด์ โชว์ไฮไลท์พร้อมเปิดตัวนวัตกรรม สปาและสุขภาพหลากรูปแบบ ตอบรับกระแสคนรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพทั่วโลกพร้อมดันไทยขึ้นแท่นฮับด้านสปาและสุขภาพแห่งอาเซียน

นายแอนดรู แจคก้า ประธานการจัดงานโครงการเวิลด์สปา แอนด์ เวล-บีอิ้ง คอนเวนชั่น 2014กล่าวว่าสมาคมสปาไทยร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จัดงาน “เวิลด์สปา แอนด์ เวล-บีอิ้ง คอนเวนชั่น 2014” (World Spa & Well-being Convention 2014) มหกรรมด้านสปาและสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ภายใต้คอนเซ็ปของงานในปีนี้คือ “by Hand, through Head, with Heart” เพื่อส่งเสริมสินค้าและบริการด้านสปาและสุขภาพ ยกระดับมาตรฐานธุรกิจสปาไทยและกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมนี้

งาน “เวิลด์สปา แอนด์ เวล-บีอิ้ง คอนเวนชั่น 2014” (World Spa & Well-being Convention 2014) จัดขึ้นภายใต้รูปแบบงานแสดงสินค้าและการประชุมสัมนาระดับนานาชาติ โดยรวบรวมบรรดาผู้ผลิตและผู้ประกอบการที่อยู่ในอุตสาหกรรมด้านสปาและสุขภาพกว่า 400 ราย ร่วมนำเสนอนวัตกรรมสินค้าและบริการ โดยคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าชมงานกว่า 15,000 คน มากกว่าปีที่ผ่านมา 50 % และผู้ร่วมสัมมนากว่า 400 คน โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรม สปา รีสอร์ท ผู้พัฒนาธุรกิจโรงแรมและสปา ศูนย์ความสวยงามและสุขภาพ สถาบันดูแลรูปร่าง โรงเรียนเสริมสวย และฟิตเนส เป็นต้น

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมตลาดสปาและสุขภาพทั่วโลกนับว่าแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ อีกทั้งยังมีช่องว่างในตลาดธุรกิจค่อนข้างสูง โดยประเทศที่น่าสนใจและน่าจับตามอง อาทิ ประเทศในแถบแอฟริกาซึ่งธุรกิจสปาเพิ่งเปิดตลาดอย่างเป็นทางการ ถือเป็นตลาดที่มีช่องว่างน่าสนใจมาก เช่นเดียวกับตลาดประเทศพม่าซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของไทย ขณะที่ประเทศใน

ตะวันออกกลางและยุโรปซึ่งประสบปัญหาการเมือง ทำให้กระแสการเดินทางท่องเที่ยวจากประเทศดังกล่าวชะลอตัว มีผลกระทบต่อธุรกิจสปาไปด้วย แต่คาดการณ์ว่าภายใน 12 เดือนหลังจากนี้ การท่องเที่ยวจะเริ่มฟื้นตัว และการเปิดตัวของแหล่งสปาและสุขภาพใหม่ๆ จะได้รับการตอบรับดีจากนักท่องเที่ยวดังกล่าวอีกครั้ง , หมู่เกาะในคาริบเบียนและแปซิฟิค กำลังให้ความสนใจกับธุรกิจสปา

โดยมีการขยายธุรกิจต่อเนื่อง และมีความพยายามในการสร้างจุดขายในการเป็น“เจ้าแห่งตลาดสปาที่ใหญ่ที่สุดในโลก” (Largest Spa in the World) อีกด้วย

ขณะที่ตลาดเอเชีย แปซิฟิค ,ลาว , กัมพูชา และเวียดนาม ยังเป็นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Spa Market) โดยกลุ่ม รีสอร์ทและสปาในประเทศเวียดนาม จะกลายเป็นคู่แข่งเชิงธุรกิจที่น่าสนใจ กับอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ภายใน 2-3 ปี นับจากนี้ อย่างไรก็ตามการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ AEC จะเป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจสปาเติบโตได้อย่างน่าสนใจ แต่ทั้งนี้ผู้ประกอบการสปาจะต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการแข่งขัน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งพัฒนาสินค้าและบริการให้เป็นไปตามมาตรฐานสปาระดับสากล และมาตรฐานสปาแห่งอาเซียน (ISO Wellness Spa Service Standard, ASEAN Spa Services Standard)

นายกรด โรจนเสถียร นายกสมาคมสปาไทย กล่าวว่า สำหรับธุรกิจสปาไทย ถือว่ามีโอกาสในการขยายตัวอย่างมาก เพราะสปาไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะในแง่ของการบริการ แต่ทั้งนี้ผู้ประกอบการสปาไทยจำเป็นจะต้องปรับตัวเพื่อสร้างความพร้อมในการแข่งขัน ซึ่งจะมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอาเซียน สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคของประชากรในอาเซียนที่กลุ่มคนชั้นกลางขยายตัวและมีการใช้จ่ายเพื่อความงามมากขึ้น จนทำให้การขยายตัวของมูลค่าการค้าในตลาดธุรกิจความงามในกลุ่มประเทศอาเซียนช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ขยายตัวถึง 3 เท่า ขณะที่มูลค่าตลาดสปาไทย มีโอกาสเติบโตและมีแนวโน้มจะขยายตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะหลังจากที่เข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 เนื่องจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.การเพิ่มขึ้นของกลุ่มคนในระดับกลาง 2.จำนวนประชากรสูงอายุมีอัตราการเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งประเมินว่าในปี 2050 เฉลี่ยคนจะมีอายุเกิน 60 ปี คิดเป็น 2 พันล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 5 ของโลก และ 3.โลกที่มีการพัฒนาเป็นเมกะซิตี (การพัฒนาเมืองให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น) จะทำให้คนต้องการหาพื้นที่ธรรมชาติมากขึ้น แนวโน้มของรีสอร์ทสุขภาพ จะได้รับการตอบรับมากขึ้น และศาสตร์ที่จะมาแรงมากคือเรื่องของการชะลอวัยหรือเอนไทร์ เอจจิ้ง

ทั้งนี้การจัดงาน “เวิลด์สปา แอนด์ เวล-บีอิ้ง คอนเวนชั่น 2014” ซึ่งถือเป็นงานระดับโลก จะเป็นเวทีที่สร้างเครือข่ายธุรกิจให้แข็งแรงมากขึ้น ระหว่างเอเชียกับประเทศต่างๆทั่วโลก และส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลาง (Hub) ตลาดความงามของอาเซียน โดยเฉพาะในธุรกิจสปา ซึ่งประเทศไทยมีความโดดเด่นมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก นายกรด กล่าว

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (DITP) กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำหนดยุทธศาสตร์ที่จะพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจบริการด้านความงามของเอเชีย (Medical Hub of Asia) เพื่อสร้างให้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้แข็งแกร่งมากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการของไทยในอุตสาหกรรมดังกล่าว โดยเฉพาะธุรกิจสปาของไทย มีการพัฒนาศักยภาพและมีเอกลักษณ์ จนได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง