ทาและทาน แก้ผิวเหี่ยวได้จริงหรือ ?

อดิศรา วัลลภศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค เผยว่า “เหตุผลที่สาวๆ ต้องการทาบำรุงนั้น ก็เพื่อต้องการให้สภาพผิวหน้าของเรา กลับมามีความชุ่มชื้น มีสภาพผิวที่แลดูมีสุขภาพดี ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยหมองคล้ำ หรือช่วยบรรเทาความมันบนใบหน้า ลดเลือนจุดด่างดำต่างๆ ดั้งนั้นครีมบำรุงผิวที่ดีจะสร้างผลลัพธ์ที่แตกต่างได้ในแต่ละบุคคล โดยส่วนผสมของครีมบำรุงผิว จะแบ่งเป็นสองส่วนคือ Active Ingredients และ Inactive Ingredients ซึ่งครีมทาผิวจะให้ผลดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าแอคทีฟ อินกรีเดียนท์นั้น ให้ผลกับผิวหน้าเราจริงหรือไม่ และอีกประการหนึ่งคือ ส่วนผสมนั้นซึบซาบเข้าสู่ชั้นเซลล์ผิวเพียงพอในปริมาณที่เหมาะสม ที่จะก่อให้เกิดผลหรือไม่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การทาบำรุงนั้น ช่วยบำรุงผิวได้จริง แต่ก็เพียงเพื่อการบำรุงในผิวชั้นนอกเท่านั้น การทาบำรุงจากภายนอก ยังไม่สามารถบำรุงลึกถึงผิวชั้นใน หรือที่เรียกกันให้เข้าใจง่ายว่าชั้นหนังแท้ได้ ดังนั้นการทาบำรุง ถึงแม้จะมีผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดมากมายแต่ควรพึงระลึกเสมอว่า การทาบำรุงนั้นสำคัญ แต่ขณะเดียวกัน ก็ควรได้รับการบำรุงจากภายใน ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ การพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงการหลีกเลี่ยงการทำร้ายผิวโดยตรงจากแสงแดด

ในขณะที่สาวๆ หลายคนก็รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่พึงปฏิบัติเป็นประจำทุกวัน เพื่อสุขภาพที่ดี หากแต่ถ้าต้องการจะเน้นการบำรุงผิว เพื่อแก้ไขปัญหาที่ไม่พึงประสงค์เช่น ผิวเริ่มมีริ้วรอย ไม่ชุ่มชื่น จากเดิมเคยผิวมัน กลับกลายเป็นผิวแห้ง เพื่อการแก้ปัญหาได้ตรงจุด จึงมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับสารอาหารที่ตรงจุดเช่นกัน ในการเข้ามาช่วยซ่อมแซม อย่างเช่น ผู้หญิงในวัยก่อนหมดประจำเดือนในช่วงวัย 40 ปลายๆ ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนต่างๆ เช่น เอสโตรเจน และโปรเจสโตโรนลดลง ซึ่งฮอร์โมนนี้ จะส่งผลต่อการสร้างคอลลาเจนและ อีลาสตินในผิวลดลง จึงมีผลทำให้ผิวของเราที่เคยตึง กลับเหี่ยวลงไม่กระชับ ทั้งๆที่เราก็รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ดังนั้นการรับประทานอาหารเสริมจึงมีส่วนช่วยให้ร่างกาย ได้รับการบำรุงซ่อมแซมที่ตรงจุด หากแต่การเลือกรับประทานอาหารเสริมนั้นต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไว้ใจได้ ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย. บอกส่วนผสมและแหล่งที่มาชัดเจน อย่างเช่นผลิตภัณฑ์คอลลาเจน ควรเป็นคอลลาเจนโมเลกุลเล็กที่สามารถดูดซึมเข้าไปใช้ได้จริงได้แก่ ไฮโดรไลซ์คอลลาเจน ไตรเปปไทด์ ที่มีขนาดเล็กเพียง 280 ดาลตันหรือ 140 นาโนเมตร

ดังนั้นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราจึงต้องทาและทานคู่กัน ก็เพราะความจริงที่ว่า การทานั้นเข้าบำรุงผิวลึกเพียงชั้นนอก ส่วนการรับประทานอาหารเสริม จะช่วยบำรุงผิวได้ถึงชั้นใน ดังนั้นหากใครที่ต้องการผลลัพธ์ผิวสวยอย่างแท้จริง จึงควรบำรุงผิวด้วยการทาและทานนั่นเอง ปัจจุบันมีนวัตกรรมที่ทันสมัย สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงที่เพิ่มขึ้นได้ ด้วยการใช้เทคโนโลยีสารสำคัญชนิดเดียวกันทั้งในเซรั่มบำรุงผิว และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ทั้งนี้จากการวิจัยในกลุ่มผู้บริโภคตัวอย่าง ผู้หญิงเอเชียอายุระหว่าง 30-60ปี จำนวน 60 คน โดยแบ่งเป็น 2กลุ่ม กลุ่มแรกทาเซรั่มที่มีส่วนผสมคอลลาเจน ด้วยเทคโนโลยีคอลลาเจน 360° เพื่อทาบำรุงอย่างเดียวเป็นเวลา 15 วัน อีกกลุ่มใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งเซรั่มทาบำรุง และรับประทานอาหารเสริม ที่มีไฮโดรไลซ์คอลลาเจนและไฮโดรไลซ์คอลลาเจนไตรเปปไทด์เป็นเวลา 15 วัน พบว่าทั้งสองกลุ่มรู้สึกได้ถึงผิวที่มีสุขภาพดีขึ้น กระชับขึ้น นุ่มชุ่มชื่นขึ้น แต่กลุ่มที่ใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งทาบำรุงและรับประทานที่มีสารสำคัญชนิดเดียวกัน พบว่ามีความแตกต่างที่ดีขึ้นจากกลุ่มที่ทาบำรุงเพียงอย่างเดียวอย่างมีนัยสำคัญ ความแตกต่างที่ดีขึ้นนั้นคือผู้บริโภค 100% รู้สึกได้ถึงผิวที่ชุ่มชื่นขึ้น 90% รู้สึกได้ถึงผิวหน้านุ่มขึ้น และความหย่อนคล้อยบนใบหน้าลดเลือนลง 87% รู้สึกถึงผิวเรียบเนียนและรูขุมขนเล็กลง 86% รู้สึกถึงผิวหน้าตึงและกระชับขึ้น 83% รู้สึกถึงริ้วลอยลึกบนใบหน้าลดเลือนลง”

คราวนี้สาวๆ คงรู้กันแล้วว่าเพราะอะไรเราถึงต้องดูแลความงามทั้งภายในและภายนอก ก็เพราะว่าความงาม ที่แท้จริง จะต้องมาจากความสมบูรณ์แบบจากภายในและภายนอก