นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าที่บริหารปฏิบัติการ (ซีโอโอ) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า "ฮอนด้ารู้สึกยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการมอเตอร์สปอร์ตในประเทศไทยกับการแข่งขันรายการ "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซูเปอร์ จีที เรซ" ในครั้งนี้ ซึ่งทำให้เราได้เห็นความพร้อมและความมั่นใจของทีมแข่งทั้ง 7 ทีม ที่ใช้รถยนต์ฮอนด้า เอ็นเอสเอ็กซ์ คอนเซปต์-จีที และฮอนด้าซีอาร์-ซีร์ ในการลงแข่งรายการนี้ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ต และจากการตอบรับอันอบอุ่น ฮอนด้าจึงพร้อมที่จะสนับสนุนการแข่งขันซูเปอร์ จีที ในฤดูกาลปีหน้าที่จะเกิดขึ้นที่สนามแห่งนี้อีกครั้ง และพร้อมเดินหน้ากิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตอย่างต่อเนื่อง ทั้งการแข่งขันรถยนต์ และรถจักรยานยนต์อีกหลายรายการที่กำลังจะเกิดขึ้น ณ สนามแห่งนี้”
การจัดการแข่งขันรายการ "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซูเปอร์ จีที เรซ" ในครั้งนี้ ยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่ให้แฟน ๆ กีฬามอเตอร์สปอร์ตได้ร่วมสนุก และสัมผัสประสบการณ์การแข่งขันอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม Pit Walk ที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมสามารถลงไปเดินในบริเวณที่เก็บรถของทีมแข่งข้างสนาม (Paddock) พร้อมได้ถ่ายรูปใกล้ชิดกับนักแข่ง และรับของที่ระลึกจากเรซควีนของแต่ละทีม และกิจกรรม Grid Walk ซึ่งเป็นการเดินชมรถซูเปอร์ จีที และการทำงานของทีมวิศวกรในการเตรียมความพร้อมรถแข่งทุกคันที่จุดสตาร์ทในสนามแข่ง นับเป็นกิจกรรมที่มีแฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตให้ความสนใจเข้าร่วมอย่างคับคั่ง และเป็นการสร้างบรรยากาศในการแข่งขันให้คึกคักมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีซัพพอร์ตเรซ ซึ่งเป็นการแข่งขัน Honda One Make Race ของรถยนต์รุ่น ซิตี้ แจ๊ซ และ บริโอ้ โดยในเรซที่ 1 เป็นการประเดิมการแข่งขันแบบไนท์เรซครั้งแรกในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต โดย ภาสฤทธิ์ พรหมสมบัติ ทำเวลาดีที่สุด ด้วยเวลา 14 นาที 39.565 วินาที คว้าแชมป์ไปครองในรุ่นโปรคาร์ คลาสบี ส่วน กันตธีร์ กุศิริ ทำเวลาดีที่สุดในเรซ 2 ด้วยเวลา 10 นาที 34.567 วินาที และยังเป็นผู้ชนะในรุ่นโปรคาร์ คลาสเอ