แพทย์พระมงกุฎเกล้าฯ เปิดตัวสารเภสัชกัมมันตรังสีและเครื่องวินิจฉัยสุดอัจฉริยะ ใช้รักษาและวินิจฉัยผู้ป่วยอัลไซเมอร์สุดทันสมัย

พฤหัส ๒๐ พฤศจิกายน ๒๐๑๔ ๑๖:๓๗
แพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าฯ เปิดตัวเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยอย่าง “PET Scan” ตรวจวิเคราะห์ร่วมกับสาร C11-PIB (Pittsburgh Compound B) ซึ่งเป็นสารเภสัชกัมมันตรังสี สามารถวินิจฉัยผู้มีภาวะเสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ถูกต้องมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เผยอัลไซเมอร์ เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดหนึ่งที่เกิดจากการเสื่อมของเซลล์สมอง ไม่มียารักษาให้หายขาดแต่หากคนไข้รู้ตัวก่อน ก็สามารถชะลออาการเสื่อมที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งระยะหลังเริ่มพบว่าโรคนี้มักจะเกิดขึ้นในผู้ป่วยที่มีอายุยังไม่มาก เพราะคนส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นโรคนี้ และกลัวการมาพบแพทย์เพื่อรักษา ซึ่งปัจจุบันการวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์จะง่ายขึ้น ด้วย

พอ.ดร.นพ. โยธิน ชินวลัญช์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านอายุรกรรมสมองและระบบประสาท โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ เปิดเผยว่า ในปัจจุบันนี้ ทางการแพทย์ได้มีนวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์ได้เร็ว และแม่นยำมากขึ้น ซึ่งก็คือการตรวจด้วยเครื่อง “PET Scan” หรือการสแกนด้วยรังสีเพื่อตรวจหาความผิดปกติทางสมอง เนื่องจากผลจากการตรวจทาง PET Scan จะสามารถยืนยันความผิดปกติได้ถูกต้องมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่คนทั่วไปมักคุ้นเคยกับ PET Scan ในการตรวจรักษาโรคมะเร็ง แต่ด้วยการพัฒนาของผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ทำให้การวินิจฉัยและรักษาโรคสมองเสื่อม โดยใช้สาร C11-PIB (Pittsburgh Compound B) ซึ่งเป็นสารเภสัชกัมมันตรังสี ที่มหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์กในสหรัฐอเมริกาพัฒนาขึ้น ก่อนที่นำมาใช้อย่างแพร่หลายทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรปญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศไทย โดยนำมาสังเคราะห์รวมกับสารที่มีลักษณะเดียวกับสารชีวเคมีในร่างกาย เช่น น้ำตาล, กรดอะมิโน ด้วยการฉีดก่อนที่จะตรวจหาสาร เบต้า อมีลอยด์ ด้วยเครื่อง PET Scan ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ผู้เชี่ยวชาญได้ให้การยอมรับในการตรวจวินิจฉัยภาวะอัลไซเมอร์ จากสถิติผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ในทุกๆ 5 ปี เนื่องจากคนมีอายุยืนยาวขึ้นโดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุยืนกว่าผู้ชาย ผลการสำรวจระบุว่า ตัวเลขเฉลี่ยคนไทยกว่า 2 ล้านคน ภายใน 5 ปีข้างหน้า เริ่มตั้งแต่ช่วงอายุ 50-65 ปี เป็นโรคสมองเสื่อม ที่มีความผิดปกติเรื่องของความจำบกพร่อง แต่ไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์ ทำให้กว่าจะรู้ตัว อาการของโรคก็ลุกลามเกินเยียวยา ซึ่งสาเหตุมักเกิดจากการเสื่อมที่เกิดขึ้นตามวัย พันธุกรรม อุบัติเหตุทางสมอง โรคหลอดเลือดสมอง โรคการติดเชื้อของสมอง โรคทางกายที่มีผลกระทบต่อเซลล์สมอง เป็นต้น

ดร.นพ. โยธิน กล่าวต่อว่า ที่สำคัญสารดังกล่าวนี้มีความปลอดภัยและใช้กันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ ซึ่งมีข้อดี คือสามารถตรวจหาสารเบต้าอมีลอยด์ ในสมองผู้ป่วยได้ ตั้งแต่ระยะที่ยังไม่แสดงอาการ ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องเจาะไขสันหลังเพื่อตรวจดูภาวะผิดปกติของโรคอัลไซเมอร์ และสามารถให้ผลการตรวจที่แม่นยำ ที่สำคัญผู้ป่วยเองไม่ต้องเจ็บตัวอีกด้วย โดยการวินิจฉัยภาวะสมองเสื่อมด้วยเทคนิค PET Scan หรือ FDG-PET Brain ที่นำมาใช้ในการตรวจโรคอัลไซเมอร์นั้น สามารถที่จะแยกโรคจากโรคสมองเสื่อมชนิดอื่นๆ ได้อย่างชัดเจน ทำให้ได้แนวทางในการรักษาที่ถูกต้อง เช่น Lewy body dementia หรือ LBD เป็นโรคที่มีอาการร่วมกันระหว่างอัลไซเมอร์กับพาร์กินสัน พบได้ 30% ผู้ป่วยมักมีอาการโรคพาร์กินสันร่วมด้วยทำให้การนอนหลับผิดปกติ หรือเห็นภาพหลอน, Vascular dementia สมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือด และภาวะสมองเสื่อมแบบ Fronto temporal dementia หรือ FTD ซึ่งเป็นความปกติที่เกิดขึ้นด้านหน้าและด้านข้างของสมองผู้ป่วยมีพฤติกรรมโมโหร้าย มีปัญหาเรื่องการพูด นอกจากนี้ยังใช้ในการประเมินความรุนแรงของโรคสมองเสื่อมในระยะต่างๆ ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ระยะกลาง และระยะสุดท้ายของโรค ซึ่งความแม่นยำในการตรวจหาสารเบต้าอมีลอยย์ นั้นเราพบว่ามีสารดังกล่าว 90% ในผู้ป่วยอายุ 70 ปี และ 70 – 75 % ในผู้ป่วยอายุ 80 ปี ดังนั้นถ้ามีการตรวจพบสารนี้ 70 -80 % จะกลายเป็นโรคอัลไซเมอร์ภายใน 3 ปี

โรคอัลไซเมอร์มีระยะเวลาก่อโรคนาน 15-20 ปีกว่าจะมีอาการสมองเสื่อมที่ชัดเจน การแสดงอาการของโรคจะค่อยๆเป็นไปอย่างช้าๆ เริ่มต้นจากไม่มีความผิดปกติเรื่องความจำ และเริ่มมีอาการความจำถดถอย ซึ่งการที่ผู้ป่วยเริ่มมีอาการความจำถดถอยเกิดขึ้นเป็นผลมาจากการสะสมของสารเบต้าอมีลอยย์ที่ทำลายเซลล์สมองมาแล้ว 10-15 ปี ต่อมาผู้ป่วยจึงจะมีอาการมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีอาการสมองเสื่อมชัดเจน ทำให้การวินิจฉัยและรักษาทำได้ไม่ทันท่วงที ซึ่งส่วนหนึ่งคนไข้มักละเลยอาการ คิดว่าผิดปกติทางความจำเล็กน้อยไม่ได้เป็นอาการเริ่มต้นของโรคสมองเสื่อม และเข้าใจผิดที่คิดว่าโรคอัลไซเมอร์เป็นโรคที่เกิดในผู้สูงอายุ ไม่สามารถป้องกันหรือรักษาให้หายขาดได้และต้องทานยาอย่างต่อเนื่องไปตลอดชีวิต

ดังนั้นหากสงสัยว่าตัวเองมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองเสื่อม และมีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการตรวจโรคด้วยเครื่อง PET Scan เพราะเทคนิคการตรวจนี้ สามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้ 15 ปีจะทำให้เรารู้ตัวล่วงหน้าว่า ตัวเองมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมหรือไม่ ที่สำคัญยังช่วยให้เราวางแผน และปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เหมาะสมได้โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นอัลไซเมอร์ ดร.นพ. โยธิน กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง