สำหรับเทคโนโลยี ที่จะนำมาใช้ คือ Orad ซึ่งเป็นระบบ Virtual Studio และSoftware สำหรับการสร้าง Immersive Graphics ระบบ Touch Screen, 3D graphic Powerwall ที่สถานีโทรทัศน์ระดับโลกนิยมใช้มาพัฒนาในห้องส่ง เช่น สถานี ESPN, MSNBC (ประเทศสหรัฐอเมริกา) ,Channel 4 (ประเทศอังกฤษ), RTL, DW TV (ประเทศเยอรมัน), Rai (ประเทศอิตาลี), TV3 (ประเทศสเปน), Fox (ประเทศไต้หวัน), ESPN (ประเทศสิงคโปร์), Phoenix (ประเทศฮ่องกง) นอกจากนี้ ยังนำระบบTelematic ที่เป็นกล้องถ่ายทำควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์อัตโนมัติมาใช้ในห้องส่ง ซึ่งจะช่วยประหยัดพื้นที่ในสตูดิโอ และสามารถลงโปรแกรมไว้ล่วงหน้า เหมาะสำหรับรายการถ่ายทอดสดกีฬาระดับโลก และรายการข่าวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังวางระบบจัดเก็บ Data ที่ทันสมัยและการติดตั้งระบบไฟสตูดิโอ เพิ่มเติมอีกด้วย
ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ดิจิตอล PPTV HD ยังกล่าวเสริมว่า นอกจากเทคโนโลยีในห้องส่งแล้วPPTV ยังนำเทคโนโลยีมาใช้กับการสร้าง Eyeball ในเครือข่ายพันธมิตรคือ จอ Digital Signage ซึ่งในปีนี้ติดตั้งไปแล้ว กว่า 50 จอ ใน 15 จุด ตามจังหวัดสำคัญๆ เช่น กทม. /เชียงใหม่/หัวหิน/ ระยอง /พัทยา ฯลฯและในปีหน้าจะติดตั้งให้ครบ 250 จุด
ด้านการพัฒนารายการนั้น พีพีทีวียังดำเนินการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ แม้อันดับเรตติ้งรวมอยู่อันดับ10และเป็นอันดับ3ในระบบHD รองจาก3HD และไทยรัฐทีวีก็ตาม แต่การจัด Ratingผังเป็นการจัดจากฐานผู้ชมเดิมในระบบ Analog ประกอบกับโครงค่ายดิจิตอลทีวีซึ่งขยายตัวไม่ครอบคลุม ทางพีพีทีวียึดแนวทางเรดติ้งเป็นเพียงกระจกสะท้อนการทำงานแต่ไม่ใช่หลักในการตัดสินใจ สำหรับการพัฒนาผังรายการปี2558จะเน้นทำ Content คุณภาพที่มีอยู่มาปรับให้ตรงช่วงเวลาที่เหมาะสมกับพฤติกรรมการชมมากขึ้นและจะเพิ่มรายการ Seasonal program รวมทั้งพัฒนาเว็บไซต์ใหม่เพื่อรองรับฐานคนรุ่นใหม่ ที่ชอบชมรายการจาก Second Screen มากขึ้น ส่วนในเรื่องการขยายการรับชมผ่าน Platform ดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวี ได้จับมือกับเจริญเคเบิลทีวี และเคเบิลทีวีท้องถิ่นอิสระ 329 แห่งใน 30 จังหวัด เพื่อออกอากาศรายการเด่นๆของพีพีทีวี เช่น รายการมวยไทย ศึกราชดำเนินซูเปอร์ไฟท์ เป็นต้น
PPTV จึงไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาและปรับเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการชมของกลุ่มเป้าหมาย โดยคาดว่าจะติด 1 ใน 5 อันดับ สถานีโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมจากผู้ชมภายในปี 2559