นางสาวอรทัย มาฬมงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กริซ จิวเวอร์รี่ ไทย จำกัด เปิดเผยว่า “การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปีหน้า ซึ่งเป็นการรวม 10 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย เมียนมาร์ ลาว เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และบรูไน จะทำให้เกิดตลาดใหม่ซึ่งมีฐานประชากรรวมกันกว่า 616 ล้านคน และคิดเป็นมูลค่าเศรษฐกิจรวมกว่า 2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ อีกทั้งยังมีการหมุนเวียนของสินค้า การบริการ การลงทุน และแรงงาน ซึ่งประเทศไทยนั้นจะได้รับประโยชน์จากการยกเว้นภาษี และกฎระเบียบต่างๆ ส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศต่างๆ ในกลุ่มอาเซียนเป็นไปอย่างสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น”
สำหรับความพร้อมในการรุกตลาดเออีซีนั้น บริษัท กริซ จิวเวอร์รี่ ไทย มองว่าปัจจุบันแนวโน้มของผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์และดิจิตอลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมที่จะให้บริการ ด้วยประสบการณ์ในการให้บริการออนไลน์มามากกว่า 8 ปี และเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจร้านค้าเพชรออนไลน์ของไทยที่ได้รับการยอมรับ โดยมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นแฟนเพจ www.facebook.com/myglitzjewels มากกว่า 3 แสนราย ล่าสุดเพิ่งเปิดให้บริการใหม่ Try at Home ลูกค้าเลือกใช้บริการทดลองสินค้าได้ที่บ้าน เพียงชำระเงินมัดจำ 1,500 บาทสำหรับสินค้า 1 ชิ้น จากนั้นจะได้รับสินค้าภายใน 2 – 3 วัน และบริการวัดขนาดแหวนฟรี ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากลุ่มลูกค้าใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทฯ วางแผนที่จะเพิ่มภาษาอื่นๆ บนหน้าเว็บไซต์ www.myglitzjewels.com เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคหรือลูกค้าในกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น ภาษาจีน ช่วงประมาณปลายปี พ.ศ. 2558 เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ในเออีซีนั้นพูดภาษาจีน และจะเพิ่มภาษาเวียดนาม อินโดนีเซีย เมียนมาร์ในปี พ.ศ. 2559 บริษัทฯ หวังว่าการเพิ่มภาษาสำหรับกลุ่มลูกค้าในประเทศอาเซียนจะช่วยให้พวกเขารับรู้และจดจำแบรนด์กริซ จิวเวอร์รี่ได้มากยิ่งขึ้น
นางสาวอรทัยกล่าวเสริมว่า “ส่วนกลยุทธ์การทำตลาดเพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนให้เพิ่มมากขึ้น บริษัทฯ มีแผนที่จะแต่งตั้งผู้แทนการตลาดในประเทศเวียดนามและสิงคโปร์ช่วงไตรมาสสุดท้ายปี พ.ศ. 2558 และใช้สื่อโฆษณาดิจิตอลเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด รวมทั้งใช้สื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก อินสตราแกรม โฆษณาในกูเกิลและยาฮูเพื่อสร้างการรับรู้ในกลุ่มประเทศอาเซียน พร้อมทั้งเตรียมเข้าร่วมในงานแสดงสินค้าเครื่องประดับเพชรและอัญมณีในงาน “สิงคโปร์ เจมส์ และจิวเวลรี่ แฟร์” ช่วงเดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2558 ที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อเพิ่มช่องทางการทำตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียนต่อไป”
แม้ว่าบริษัทฯ จะต้องแข่งขันกับผู้ค้าเครื่องประดับเพชรและอัญมณีท้องถิ่นในแต่ละประเทศ แต่เราก็มั่นใจว่ากริซ จิวเวอร์รี่จะสามารถสร้างแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับ และแจ้งเกิดในตลาดกลุ่มประเทศอาเซียนได้ เพราะเราเน้นให้ความสำคัญด้านการบริการแก่ลูกค้าเสมอ รวมทั้งนำเสนอสินค้าในราคาที่สมเหตุสมผล อีกทั้งเครื่องประดับเพชรและอัญมณีของไทยนั้นมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นในตลาดระดับนานาชาติอยู่แล้ว
“เนื่องด้วยราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับลดลงในช่วงนี้ส่งผลให้ตลาดเครื่องประดับเพชรคึกคักมากขึ้น อีกทั้งชาวไทยส่วนใหญ่นั้นให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และบุคลิกภาพที่ดี ซึ่งปัจจัยนี้จะนำไปสู่การเติบโตของยอดขายเครื่องประดับเพชรอย่างต่อเนื่อง ในส่วนยอดขายของบริษัทฯ คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ภายสิ้นปีนี้” นางสาวอรทัยกล่าวสรุป