ในที่สุดการแข่งขันลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน เพื่อสุขภาพและการกุศล ในแคมเปญ “ไฟท์ เดอะ แฟท ออฟ (Fight the Fat Off)” ที่จัดขึ้นในโอกาสที่ เอเพ็กซ์ โปรฟาวด์ บิวตี้ (Apex Profound Beauty) ผู้นำด้านนวัตกรรมความงาม เพื่อการดูแลรูปร่าง ก้าวสู่ปีที่ 20 ได้ผู้ชนะเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่ได้ผ่านการคัดเลือกเหลือเพียง 11 คน และมุ่งมั่นในการกำจัดน้ำหนักส่วนเกิน โดยรวมน้ำหนักลดลง 67.1 กก. และสัดส่วนลดลงโดยรวม 690 ซม. ซึ่งผลปรากฏว่า หนุ่มเจ้าของธุรกิจส่วนตัวด้านเสื้อผ้า กัญจน์สิน ปุณณาเสฎฐ์ เป็นผู้คว้าชัยชนะได้รับรางวัลทรีตเม้นท์การดูแลรูปร่างมูลค่า 200,000 บาท ไปครอง ด้วยการสามารถลดน้ำหนักลงถึง 8.9 กก. และสัดส่วนลดลง 91 ซม. คิดเป็นเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบจากน้ำหนักตัว 11.7% จาก 76.1 กก. เป็น 67.2 กก. ในเวลา 6 สัปดาห์ ของระยะเวลาการแข่งขัน
พ.ญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 6 สัปดาห์ ในแคมเปญ “ไฟท์ เดอะ แฟท ออฟ (Fight the Fat Off)” ผู้เข้าร่วมแข่งขันให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเฉลี่ยสามารถลดน้ำหนักลง 6 กก. และสัดส่วนเฉลี่ย 62 ซม. ซึ่งการที่จะกำจัดไขมันที่สะสมมานานๆ นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพราะเทคโนโลยีจะสามารถช่วยให้ฮอร์โมนเร่งการเผาผลาญในร่างกายให้ดีขึ้น เมื่อร่างกายมีการเผาผลาญ ประกอบกับผู้เข้าแข่งขันควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างเคร่งครัด จึงทำให้น้ำหนักส่วนเกินต่างๆ นั้นลดลงไปอย่างรวดเร็วในเวลา 6 สัปดาห์ ที่สำคัญการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดน้ำหนัก ยังส่งผลให้ผู้เข้าแข่งขันมีร่างกายที่แข็งแรง พร้อมกับผิวพรรณที่เฟิร์ม กระชับ
ในการแข่งขันตลอดทั้ง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เข้าแข่งขันได้อยู่ในความดูแลของแพทย์ พร้อมทั้งการทำทรีตเม้นท์ต่างๆ ที่ใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการลดน้ำหนัก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่หลากหลายนำมาผสมผสานกัน เพื่อให้เหมาะกับผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน และให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงการจัดโภชนาการ อีกทั้งยังอยู่ในความดูแลของเทรนเนอร์ด้านการออกกำลัง แม้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นผู้ชายที่สามารถลดน้ำหนักได้ดีกว่าผู้หญิง เนื่องจากผู้ชายจะมีฮอร์โมนการเผาผลาญที่ดีกว่า และสามารถเผาผลาญไขมันด้วยการเล่นกีฬาหนักๆ ได้มากกว่าผู้หญิง แต่อย่างไรผู้หญิงก็สามารถลดน้ำหนักได้เช่นกัน เพียงอาจต้องใช้เวลาที่มากกว่า
หลังจากนี้หากผู้เข้าแข่งขันที่สามารถลดน้ำหนักไปได้มากๆ นำความรู้ที่ได้จากการเข้าแข่งขันในแคมเปญนี้ ไม่ว่าจะเป็นโภชนาการที่ถูกต้อง และการออกกำลังกายที่ถูกวิธี ก็จะสามารถมีรูปร่างและน้ำหนักที่ดี โดยไม่ทำให้โยโย่แน่นอน”
การตัดสินหาผู้ชนะในแคมเปญ “ไฟท์ เดอะ แฟท ออฟ (Fight the Fat Off)” จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบจากน้ำหนักตัวของผู้เข้าแข่งขันเอง ซึ่งผู้ชนะได้แก่ กัญจน์สิน ปุณณาเสฎฐ์ หนุ่มเจ้าของธุรกิจส่วนตัวด้านเสื้อผ้า ได้รับรางวัลทรีตเม้นท์การดูแลรูปร่างมูลค่า 200,000 บาท ไปครอง ที่สามารถลดน้ำหนักลง 8.9 กก. เผยว่า “ตลอดเวลา 6 สัปดาห์ที่ผ่านมาในการลดน้ำหนัก ไม่ได้ทำเพื่อรางวัลแต่อย่างใด แต่ทำเพื่อตัวเองทั้งสิ้น เพราะที่ผ่านมาพยายามลดความอ้วนด้วยวิธีที่หลากหลาย แต่ยังไม่เคยใช้เทคโนโลยีมาลดความอ้วน จึงสนใจและอยากลอง และเมื่อมีโอกาสก็รู้สึกประทับใจ และทึ่งกับผลลัพธ์ที่ได้ จากเดิมที่มีน้ำหนัก 76.1 กก. สามารถลงไปถึง 8.9 กก. เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เทียบน้ำหนักตัวได้ 11.7% โดยน้ำหนักเหลือ 67.2 กก. อีกทั้งยังได้รับการดูแลทั้งในเรื่องของโภชนาการ การออกกำลังกายต่างๆ แต่เชื่อว่าการทำทรีตเม้นท์ด้วยเทคโนโลยี เป็นทางลัดหนึ่งที่ทำให้สามารถลดน้ำหนักได้เร็ว และไม่มีความเสี่ยงใดๆ”
รองชนะเลิศอันดับ 1 ผู้คว้ารางวัลทรีตเม้นท์การดูแลรูปร่างมูลค่า 100,000 บาท ไปครอง คือ ทวิบดี อุณหะนันทน์ เจ้าของธุรกิจ หนุ่มร่างใหญ่ที่อดีตก่อนเข้าแข่งขันมีน้ำหนักมากถึง 105.7 กก. ปัจจุบันเป็นหนุ่มหุ่นสมาร์ท ที่สามารถลดน้ำหนักลง 11.8 กก. หากแต่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์เทียบจากน้ำหนักตัวได้ 11.1% เผยว่า “ตอนนี้ผมมีน้ำหนัก 93.9 กก. ครับ แม้ว่าที่ผ่านมาจะเหนื่อยบ้าง กับการที่ต้องควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย แต่เมื่อนึกถึงทีมงาน ไม่ว่าจะเป็นคุณหมอ พยาบาล หรือเทรนเนอร์ ที่ต่างตั้งใจและมุ่งมั่นทำให้ทุกๆ คนที่เข้าแคมเปญต้องลดน้ำหนักให้ได้ แต่ผมยอมรับนะครับว่า ในแต่ละอาทิตย์ที่เข้ามาทำทรีตเม้นท์ ออกกำลังกาย ผมต้องตื่นเต้นกับรูปร่างที่เปลี่ยนไปในทุกๆ อาทิตย์ เพราะการลดน้ำหนักที่ได้ผลในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการทำทรีตเม้นท์ ที่อาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วย นอกเหนือจากการออกกำลังกาย และควบคุมอาหาร ที่สำคัญผมเองก็ยังมีแอบไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่คุณหมอนำมาใช้กับผม จึงทำให้ผมรู้ว่าผมโชคดีมากครับที่ได้เข้าร่วมในแคมเปญนี้ เพราะเทคโนโลยีต่างๆ ที่คุณหมอนำมาใช้นั้นทันสมัย และได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากที่ต่างประเทศ ซึ่งหลังจากนี้ผมจะมีวินัยกับการดูแลตัวเองให้มากขึ้น ทั้งการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองกลับมามีน้ำหนักที่มากแบบเดิมอีก”
“ไม่เพียงเท่านี้ผู้เข้าแข่งขันในแคมเปญ “ไฟท์ เดอะ แฟท ออฟ (Fight the Fat Off)” ทุกคน ยังจะได้ร่วมทำบุญ เพราะทุกๆ 1 กก. ของการลดน้ำหนักจากผู้เข้าแข่งขัน จะเปลี่ยนเป็นเงินสด 2,000 บาท ซึ่งตลอดระยะเวลา 6 สัปดาห์ ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 11 คน ได้ช่วยกันลดน้ำหนักได้ถึง 67.1 กก. เทียบเป็นมูลค่า 134,200 บาท ซึ่ง เอเพ็กซ์ โปรฟาวด์ บิวตี้ จะนำไปบริจาคให้แก่มูลนิธิรามาธิบดี เพื่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน ในโอกาสก้าวสู่ ปีที่ 20 ของเอเพ็กซ์อีกด้วย” พ.ญ.นันทภัทร์ กล่าวปิดท้าย
เพราะความ “อ้วน” เป็นเหมือนระเบิดเวลา ที่รอการทำลายสุขภาพ มาติดตามกันว่า ก้าวสู่ปีที่ 21 ของ เอเพ็กซ์ โปรฟาวด์ บิวตี้ (Apex Profound Beauty) จะจัดแคมเปญดีๆ เช่นนี้อีกหรือไม่ โดยสามารถเข้าไปอัพเดทข่าวต่างๆ หรือความรู้เกี่ยวกับความงาม และการดูแลรูปร่างได้ที่ www.apexprofoundbeauty.com