S-26 Progress GOLD เปิดตัว 9 บุคคลเปลี่ยนโลกแห่งปี สร้างแรงบันดาลใจให้พ่อแม่ยุคใหม่ ปล่อยลูกเรียนรู้

อังคาร ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๕ ๑๗:๒๖
S-26 Progress GOLD (เอส-26 โปรเกรส โกลด์) ผลิตภัณฑ์นมผงคุณภาพระดับพรีเมี่ยม สำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป เปิดตัวแคมเปญใหม่ “ปล่อยลูกเรียนรู้ สร้างลูกเปลี่ยนโลก” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้พ่อแม่ยุคใหม่ ปล่อยให้ลูกเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว ให้ลูกได้ก้าวทันกับโลกที่เปลี่ยนไป แนวคิดใหม่นี้เป็นแนวทางการเลี้ยงดูที่ต่างจากแบบแผนเดิมๆ ที่เชื่อว่าความฉลาดของลูกเกิดขึ้นได้จากการเรียนหนักๆ ในห้องเรียนเท่านั้น ด้วยแคมเปญนี้ ทาง S-26 Progress GOLD มีความเชื่อที่ว่า การปล่อยลูกเรียนรู้ทุกอย่างรอบตัว เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลายคนโตขึ้นไปเปลี่ยนโลกได้ จึงได้นำ 9 บุคคลเปลี่ยนโลกแห่งปี จากหลากหลายสาขาอาชีพ มาเป็นบุคคลต้นแบบ และมาช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ถึงจุดเริ่มต้นที่พวกเขาโตขึ้นมาเปลี่ยนโลกได้นั้น คือการได้รับการสนับสนุนจากคุณพ่อคุณแม่ตั้งแต่ในวัยเด็ก ให้พวกเขาได้เรียนรู้ทุกอย่างรอบตัว และบอกเคล็ดลับแลกเปลี่ยนประสบการณ์วัยเด็ก สู่เคล็ดลับการเลี้ยงลูกอย่างไรให้กลายเป็นคนที่จะเปลี่ยนโลกได้

รัชดา อภิรมย์เดช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ธุรกิจไวเอท นิวทริชั่น ผลิตภัณฑ์นมผงคุณภาพระดับพรีเมี่ยม S-26 Progress GOLD (เอส-26 โปรเกรส โกลด์) สำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป กล่าวว่า “ในฐานะที่เราเป็นผู้บุกเบิกและผู้เชี่ยวชาญในด้านโภชนาการเด็กมากว่าศตวรรษ เรามีความมุ่งมั่นที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับพ่อแม่ยุคใหม่ ในการเลี้ยงลูกให้ก้าวทันโลกที่เปลี่ยนไปไวแบบในยุคนี้ เราเชื่อว่าการที่คุณพ่อคุณแม่ปล่อยลูกให้เรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว จะเป็นการสร้างพัฒนาการ เสริมสร้างศักยภาพสมองที่ดีให้กับลูก มากกว่าการที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องเรียน ซึ่งการปล่อยให้ลูกเรียนรู้ทุกอย่างรอบตัวนั้น เป็นการเตรียมความพร้อมให้เด็กสามารถที่จะลองคิดเอง ลองผิดลองถูก และสามารถปรับตัวให้เข้ากับโลกยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้อย่างดี โดยมีคุณพ่อคุณแม่คอยสนับสนุนและให้คำแนะนำอยู่ข้างๆ”

“ซึ่งแนวทางการเลี้ยงดูลูกแบบยุคสมัยใหม่นี้ ได้มีการนำไปใช้ในหลายๆ ประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก เพื่อส่งเสริมให้เด็กในวัย 1-3 ปี สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างเต็มที่ การเรียนในห้องเรียนกลายเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ของลูก อีกทั้งการเข้าร่วมเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปีนี้ ทำให้สังคมของเราเปิดกว้างและเชื่อมต่อกันมากขึ้น ถือเป็นความท้าทายของเด็กรุ่นใหม่ที่จะต้องสามารถปรับตัวและผลักดันตัวเองให้ก้าวทันสังคมสมัยใหม่ที่เชื่อมโยงถึงกัน เด็กรุ่นใหม่ถูกคาดหวังให้เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนและรับมือกับสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ S-26 Progress GOLD เล็งเห็นถึงความท้าทายในการเลี้ยงลูกที่พ่อแม่ยุคใหม่กำลังเผชิญอยู่ จึงกลายมาเป็นแรงบันดาลใจของแคมเปญนี้”

แพทย์หญิง เกศินี โอวาสิทธิ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรม โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช ศรีนครินทร์ ให้ความเห็นว่า “ในปัจจุบันมีแนวทางหลากหลายสำหรับการเลี้ยงลูกให้เหมาะสมกับ ยุคสมัยที่ปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น อังกฤษ อเมริกา และญี่ปุ่น ได้มีแนวทางการเลี้ยงลูกแบบใหม่ซึ่งเหมาะสมกับเด็กในวัย 1 – 3 ปี ซึ่งเป็นวัยที่เปิดรับประสบการณ์ต่างๆ รอบตัว ทุกอย่างเป็นสิ่งแปลกใหม่น่าสนใจ น่าเรียนรู้ คุณพ่อคุณแม่ควรจะเปลี่ยนบทบาท จากผู้บังคับบัญชา ผู้ห้ามปราม เป็นผู้สนับสนุนโดยเปิดโอกาสให้ลูกได้เลือกในสิ่งที่เขาต้องการ ให้คำแนะนำเมื่อลูกเริ่มแสดงพฤติกรรมเกินขอบเขต การปล่อยให้ลูกเรียนรู้ คิดด้วยตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อค้นหาสิ่งที่เขาชอบหรือสนใจเป็นพิเศษ เป็นจุดเริ่มต้นเพื่อพัฒนาการทางสมองที่ดีของลูกน้อย ยิ่งเด็กมีการใช้สมองเพื่อการเรียนรู้และการคิดมากเท่าไร ก็จะทำให้เซลล์สมองสร้างเครือข่ายเส้นใยสมองใหม่ๆ แตกแขนงเชื่อมติดต่อกันมากยิ่งขึ้น ทำให้สมองมีขนาดใหญ่ขึ้น โดยไปเพิ่มขนาดของเซลล์สมอง จำนวนเส้นใยสมอง และจุดเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง”

“การที่เด็กได้เล่นและเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว เป็นการฝึกพัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็ก ทั้งทางร่างกาย ความคิด อารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และการเข้าสังคม ซึ่งการเรียนรู้แบบนี้จะไม่ใช่การสอนหรือสั่งให้ทำ แต่เป็นการที่เด็กสนใจ และอยากที่จะลงมือทำด้วยตัวเอง สิ่งไหนที่เด็กได้ลงมือทำเอง คิดค้นเอง เรียนรู้เอง จะทำให้เด็กเข้าใจและจดจำได้ดีและนานยิ่งขึ้น ไม่ว่าเด็กจะเล่นอะไรก็ตาม ล้วนเป็นจุดเริ่มต้นของพัฒนาการในระยะยาวทั้งสิ้น” แพทย์หญิงเกศินี กล่าวเพิ่มเติม

หลังจากได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาล่าสุดชุด ‘I Am’ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนให้คุณพ่อคุณแม่สนับสนุนให้เรียนรู้ทุกอย่างรอบตัว ไม่เฉพาะแต่ในห้องเรียน เพื่อเตรียมความพร้อมให้ลูกสามารถเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว S-26 Progress GOLD ได้ต่อยอดแนวคิดเดียวกันนี้ให้คุณพ่อคุณแม่เห็นภาพชัดขึ้น ผ่านหนังสือ “ปล่อยลูก เปลี่ยนโลก” ที่จะกล่าวถึงตัวอย่างของการปล่อยลูกเรียนรู้ทุกอย่างรอบตัว เป็นจุดเริ่มต้นของหลายบุคคลที่เปลี่ยนโลก ซึ่งในหนังสือได้รวบรวมเรื่องราวของ 9 บุคคลที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ ผ่านเคล็ดลับการเลี้ยงดูสมัยเด็กที่ได้รับการปล่อยให้เรียนรู้ทุกอย่างรอบตัว จนส่งผลต่อการเปลี่ยนโลกในปัจจุบันนี้ของพวกเขา

เหล่าบุคคลเปลี่ยนโลกที่จะมาสร้างแรงบันดาลใจให้กับพ่อแม่ยุคใหม่นั้น ได้แก่ ป๋าเต็ด ยุทธนา บุญอ้อม เจ้าพ่อเด็กแนว ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กไทยผู้รักเสียงดนตรี พร้อมเนรมิตงานเทศกาลดนตรีอินดี้ให้เกิดขึ้นในเมืองไทยอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ หรือ เจ้าของนามปากกา นิ้วกลม ผู้สร้างสรรค์และเปลี่ยนโลกการอ่านของคนไทย แก้ม มลลิกา เรืองกฤตยา แฟชั่นดีไซเนอร์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Kloset ยกระดับแฟชั่นไทยสู่สากล บัณฑิต อึ้งรังษี หนึ่งในวาทยกรคนสําคัญของโลก ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้คนไทยพัฒนาศักยภาพตนเอง ดร.ก้องภพ อยู่เย็น วิศวกรไทยที่อายุน้อยที่สุดใน “นาซ่า” เติมไฟฝันเด็กไทยผู้หลงรักวิทยาศาสตร์และอวกาศ ให้ลุกโชน ผู้ใหญ่บิ๊ก พงษ์ระพี เตชพาหพงษ์ ผู้สร้างบ้านเด็กสองภาษา สร้างแรงบันดาลใจพ่อแม่เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กสองภาษาตั้งแต่แรกเกิด ดร.ต่าย นิศรา การุณอุทัยศิริ นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ หนึ่ง วิทิตนันท์ โรจนพานิช นักปีนเขาผู้เอาชนะขีดจํากัดของตนเอง นําพาธงชาติไทยและชื่อเสียงของคนทั้งประเทศไปสู่จุดสูงสุดของยอดเขาเอเวอร์เรสต์ และ ดร.แอนนี่ เลิศอัษฏมงคล (ทรัพย์เสริมศรี) อดีตนักแสดง คุณแม่ และ ครูผู้สอนหลักสูตรการสื่อสารผ่านเสียงร้องของทารก

เหล่า 3 ตัวแทนบุคคลเปลี่ยนโลกแห่งปี ได้นำประสบการณ์วัยเด็กและเคล็ดลับการเลี้ยงดูลูกให้เปลี่ยนโลกมาแชร์ภายในงาน เริ่มจากป๋าเต็ด ยุทธนา บุญอ้อม คนบันเทิงผู้เปลี่ยนโลกเทศกาลดนตรีรูปแบบใหม่และสานฝันเด็กไทยให้เป็นศิลปิน เล่าถึงเรื่องราวสมัยเด็กกับการเลี้ยงดูของที่บ้านว่า “ถ้ามองตอนที่ผมเป็นเด็ก ความตั้งใจของครอบครัวผมคือการไม่ปิดกั้น บวกกับการที่เขาเหมือนกองของไว้รอบตัวเรา แล้วปล่อยให้เรียนรู้เอง ผมรู้สึกโชคดีตรงที่ว่าสภาพแวดล้อมที่ผมเติบโตมาเตรียมตัวให้ผมมาทำงานด้านสื่อสารมวลชน ผมได้รับอิทธิพลมาตั้งแต่เด็กๆ จากพี่ๆ ที่ชอบฟังเพลงหลากหลายแนว อีกอย่างที่บ้านของผมเป็นร้านขายหนังสือ คุณพ่อผมทำอาชีพฉายหนัง ผมก็จะหัดอ่านหนังสือตั้งแต่เด็ก มันก็ทำให้ผมชอบอ่าน ชอบฟัง ชอบดูหนัง” ป๋าเต็ดกล่าวถึงแนวคิดในการเลี้ยงลูกว่า “สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ทำเลยคือการพยายามบอกให้ลูกต้องเป็นอะไร หน้าที่สำคัญของพ่อแม่คือเป็นรั้วให้เขาเท่านั้น ปกป้องในสิ่งที่มันไม่ควร ในขณะเดียวกันในรั้วเราก็ต้องตกแต่งให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเค้าต้องคิดเองได้ เราไม่สามารถอยู่กับเขาไปตลอด”

ดร.แอนนี่ เลิศอัษฏมงคล (ทรัพย์เสริมศรี) นักจิตวิทยาเด็กผู้เปลี่ยนโลกการเรียนรู้เสียงลูกน้อยของพ่อแม่ยุคใหม่ เล่าเกี่ยวกับคุณพ่อคุณแม่ของเธอว่า “สิ่งที่ดีที่สุดของคุณพ่อคุณแม่คือ ครอบครัวจะค่อนข้างปล่อยเรื่องความคิดมากค่ะ แม้ตอนเรียนจิตวิทยาเฉพาะทางด้านเด็กนี้ คุณพ่อมีทักมาว่าเมืองไทยจะประกอบอาชีพยาก แต่ท่านก็ไม่ได้ห้ามอะไรเลยเราอยากเรียนก็ให้เรียน สนับสนุนตามความสนใจของเราจริงๆ” ดร.แอนนี่แนะนำเกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูกว่า “เราต้อง ‘Let them play’ ไม่ใช่ ‘Lead them play’ ปล่อยให้ลูกได้เล่นเองไม่ใช่เราไปนำเขาเล่นแล้วให้เขาทำตาม พ่อแม่บางคนซื้อของเล่นมาก็พยายามให้ลูกเล่นตามแบบแผน แต่จริงๆ แล้วเราต้องปล่อยให้เขาได้ทำอะไรด้วยตัวเองเพราะอิสระในการเลือกทำอะไรเองนี่แหละที่จะทำให้เด็กเกิดการเห็นคุณค่าในตัวเอง”

สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ หรือ เจ้าของนามปากกา นิ้วกลม นักเขียนรุ่นใหม่ผู้เปลี่ยนโลกแห่งการอ่านของคนไทย เล่าถึงเรื่องราวสมัยเด็กว่า “ตอนเด็กผมคลั่งไคล้หลายอย่างมาก แต่แม่ไม่เคยรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ผิดปกติ ผมเอาหนังสือหลากหลายประเภทมากองๆ รวมกัน พอชอบหนังก็ซื้อหนังสือเกี่ยวกับหนังมาเป็นตั้งๆ อีกตอนอยากตีกลองก็ขอไปเรียนกลอง ต่อมาก็ชอบกีต้าร์ไฟฟ้า แม่ก็ให้ซื้อมาเรียนได้ทั้งหมด ครอบครัวผมเห็นความสำคัญในการปล่อยให้ผมได้เรียนรู้และค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบ และผมก็รู้สึกเหมือนกันว่าการเรียนรู้จากทุกสิ่งรอบตัวไม่ใช่แค่ในตำราเป็นสิ่งสำคัญ” นิ้วกลมกล่าวปิดท้ายถึงสิ่งที่เขาจะทำหากวันหนึ่งได้มีลูกว่า “ผมจะกองทุกอย่างที่คิดว่าดีตรงหน้าให้เขาตั้งแต่เขาเด็กๆ แล้วให้เขาเลือกสิ่งที่ชอบ ลองทำสิ่งที่สนใจ ถ้าเราเริ่มเห็นว่าเขาชอบอะไร อยากได้อะไร เราก็จะสนับสนุนและผลักดันเขาต่อไปเพราะเด็กทุกคนเป็นเสมือนดินน้ำมัน เราไม่รู้หรอกว่าเราจะปั้นตัวเองไปเป็นอะไร แต่ถ้าพ่อแม่ชิงปั้นเสียก่อน มันจะทำให้ศักยภาพของดินน้ำมันหายไป”

ติดตามเรื่องราวที่เป็นแรงบันดาลใจของ 9 บุคคลเปลี่ยนโลกแห่งปีได้ ในหนังสือ “ปล่อยลูก เปลี่ยนโลก” ซึ่งจะมีวางอยู่ตามจุดต่างๆ กว่า 100 จุด ตามศูนย์การเรียนรู้ โรงพยาบาล โรงเรียน และร้านค้าต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ S-MomClub โทร. 02-6402288 หรือ www.s-momclub.com

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง