ขึ้นชื่อว่าฝัน...เมื่อตื่นขึ้นมาก็จะพบว่าไม่ใช่ความจริง แต่คงไม่ใช่สำหรับ 4 เยาวชนไทย ด.ช.ธรธันย์ ฉิมอ่อง, ด.ช ภูริ โชครัตนประภา , ด.ช.ธนกร สอนชิต และ ด.ช.ปีย์รกา อิทธิโชติกร 4 ผู้โชคดีจากเยาวชนทั้งหมด 150 คน ที่ได้เข้าร่วมเวิร์คชอปฟุตบอลในกิจกรรม “2015 ซัมซุง – เชลซี ดรีม เดอะ บลู แคมเปญ (2015 Samsung - Chelsea Dream the Blues Campaign)” ปีที่ 2 และได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทน เยาวชนไทย ไปลงสนามฝึกทักษะฟุตบอลร่วมกับนักเตะเชลซี ร่วมกับเพื่อนๆ อีก 2 ประเทศ คือจีน และโคลอมเบีย ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นเวลา 5 วัน
วาริท จรัณยานนท์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาดองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เผยว่า “กิจกรรม “2015 ซัมซุง – เชลซี ดรีม เดอะ บลู แคมเปญ จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 เพื่อต้องการสานต่อความฝันด้านกีฬาฟุตบอลของเด็กไทยให้เป็นจริง และได้ร่วมประสบการณ์ฟุตบอลในระดับนานาชาติ โดยกิจกรรมครั้งนี้เป็นความร่วมมือด้านฟุตบอลระดับเยาวชน ระหว่างซัมซุงกับสโมสรฟุตบอลเชลซี เพื่อมอบประสบการณ์ฟุตบอลอันยิ่งใหญ่ที่สุดให้กับเยาวชนจากทั่วโลก ซึ่งไทยเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่ได้เข้าร่วมในกิจกรรมระดับโลกในครั้งนี้ ซึ่งปีนี้ จากเยาวชนไทยที่เข้าร่วมกิจกรรม 150 คน ได้คัดเลือกเหลือเพียง 4 คนเท่านั้น ที่จะเป็นตัวแทนเดินทางไปแคมป์ฝึกซ้อมทักษะทางด้านฟุตบอล โดยเทรนใกล้ชิดกับนักเตะเชลซี ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งต้องยอมรับว่าเด็กไทยนั้นมีความสามารถทางด้านกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างมาก และเชื่อว่า กิจกรรมของเราในครั้งนี้จะช่วยต่อยอดและเพิ่มโอกาสในการพัฒนาทักษะด้านกีฬาฟุตบอลของเด็กไทยให้ดีขึ้น”
ด้าน มร.แซค วูสเตอร์ (Mr.Zak Wooster) หัวหน้าผู้ฝึกสอน ศูนย์ฝึกสอนฟุตบอลเยาวชน สโมสรฟุตบอลเชลซี (Head Coach of the Chelsea FC Foundation) เผยว่า “เชลซีกับซัมซุงนั้นถือเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันมาโดยตลอด ทางเชลซีมีความมุ่งมั่นที่จะสานฝันให้กับเยาวชนทั่วโลก ที่หลงรักในกีฬาฟุตบอลเช่นกัน เราจึงร่วมกับซัมซุงจัดกิจกรรม 2015 ซัมซุง – เชลซี ดรีม เดอะ บลู แคมเปญ ขึ้น โดยได้มีการฝึกสอนทักษะด้านกีฬาฟุตบอล และสุดยอดเทคนิคแบบมืออาชีพให้แก่เด็กๆ ที่ร่วมกิจกรรมอย่างใกล้ชิด ซึ่ง 4 เยาวชนไทยที่ได้รับการคัดเลือกจาก 150 คน ให้ร่วมแคมป์ฟุตบอลที่ลอนดอนในครั้งนี้ ได้ทำการคัดเลือกจากการเล่นที่มุ่งมั่น มีทักษะทางด้านกีฬาฟุตบอลเป็นเลิศ สามารถเล่นเป็นทีมเวิร์ค และมีน้ำใจเป็นนักกีฬา ผมหวังว่าเยาวชนที่ได้ร่วมกิจกรรมนี้ จะได้รับทักษะของการเป็นนักเตะอาชีพคุณภาพ”
ก่อนการประกาศผล 4 เยาวชนไทยผู้โชคดี ที่จะได้เดินทางไปแคมป์ฝึกซ้อมฟุตบอล ณ สนามฝึกซ้อมสโมสรเชลซี ประเทศอังกฤษ เหล่าเยาวชนทั้ง 150 คน ที่เข้าร่วมในกิจกรรม 2015 ซัมซุง – เชลซี ดรีม เดอะ บลู แคมเปญ ได้เวิร์คชอปฝึกทักษะด้านฟุตบอลด้วยกัน โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ การฝึกยิงประตู , การเลี้ยงลูกบอล หลบหลีกคู่ต่อสู้ และการจำลองการแข่งขันจริง ที่ต้องเล่นเป็นทีมเวิร์ค ซึ่งสิ่งที่โค้ชเชลซีสอนเด็กๆ คือ ให้ ทุกคนทำให้เต็มที่ อย่ากลัวที่จะเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ จนเมื่อถึงเวลาการประกาศผล 4 เยาวชนไทย ที่จะเป็นตัวแทนไปแคมป์ฝึกซ้อมฟุตบอล ณ สนามฝึกซ้อมสโมสรเชลซี ประเทศอังกฤษ เป็นเวลา 5 วัน ในเดือนพฤษภาคมนี้ ได้แก่ น้องกัน-ธนกร สอนชิต อายุ 10 ขวบ เผยว่า ‘ผมเล่นกีฬาหลายอย่าง ฟุตบอล วิ่ง แต่ชอบเล่นฟุตบอลมากกว่า เพราะสนุก รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รู้ว่า ถ้าเราเจ็บ เราต้องรู้จักอดทน เล่นมา 4 ปี อยากเป็นนักฟุตบอล และเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ เพราะเป็นสิ่งที่ผมชอบทั้ง 2 อย่าง สำหรับวันนี้ที่ได้ร่วมกิจกรรมรู้สึกสนุกสนาน ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ และยังชอบทักษะที่โค้ชสอน ไม่ว่าจะเป็นการเล่น การยิงทำประตู สิ่งที่ทำได้ดีสุด ในวันนี้ คือ การเล่นทีม ซึ่งผมชอบนักฟุตบอลในสโมสรเชลซีหลายคนเลยครับ ที่ชอบมากที่สุด คือ จอห์น เทร์รี เขาเก่งมากครับ และก่อนจะไปอังกฤษผมจะเตรียมใจ เพราะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ส่วนร่างกายผมก็จะเตรียมให้พร้อมด้วยการฝึกซ้อมให้มากขึ้นไม่ทำให้ประเทศไทยเสียชื่อ’
ตัวแทนเยาวชนคนที่ 2 ที่จะเดินทางไปอังกฤษในครั้งนี้ น้องโนริ – ด.ช.ภูริ โชครัตนประภา อายุ 8 ขวบ เผยว่า ‘ชอบฟุตบอลที่สุด เพราะสนุก และมีเพื่อนเล่น เล่นมา 4 ปีแล้ว อนาคตอยากเป็นนักบอลอาชีพ วันนี้สนุกมากครับ มีโค้ชจากประเทศอังกฤษมาสอนให้ ได้ภาษา ได้ความรู้ ได้ฝึกทักษะเยอะ วันนี้ผมชอบเล่นทีม และเทคนิคการยิงประตูที่สุดครับ ผมดีใจมากครับที่ได้ไปอังกฤษ ได้เจอนักบอลมืออาชีพ ผมชอบอีเดน อาซา มากที่สุดในเชลซีครับ ติดตามผลงานมาตลอดเลยผมจะเตรียมกระดาษ และเสื้อไปให้นักบอลเชลซีเซ็นต์ให้ที่อังกฤษครับ และผมจะออกกำลังกายบ่อยๆ เพื่อเตรียมตัวไปที่โน้นครับ’
ยูฟ่า - ด.ช.ธรธันย์ ฉิมอ่อง อายุ 12 ปี ตัวแทนเยาวชนคนที่ 3 ที่จะเดินทางไปอังกฤษในครั้งนี้ เผยว่า “เมื่อก่อนเล่นกอล์ฟ ในขณะที่ก็เริ่มเล่นฟุตบอลที่โรงเรียน พ่อเห็นว่าเราวิ่งเร็วดี เลยถามว่าอยากเตะบอลจริงๆไหม แล้วก็พาผมไปฝึกซ้อม พออายุ 9 ปี พ่อก็ส่งไปอังกฤษ ไปฝึกกับเชลซี เป็นแคมป์ของเชลซี ที่สนามแบทเทอร์ซีปาร์ค ก็ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมครับ และครั้งนี้ได้มาร่วมกิจกรรม รู้สึกดีใจมากที่เรามีโอกาสได้มาเจอโค้ชฝรั่ง และดีใจมากกว่านี้อีก ที่ได้รับเลือกให้ไปฝึกซ้อมทดสอบฝีเท้าที่อังกฤษ ผมชอบเล่นตำแหน่งกองกลาง เพราะว่าเป็นตำแหน่งที่มีการเล่นที่หลากหลาย สามารถรับและรุกได้ เหมือนเราเป็นตัวควบคุมเกมฟุตบอล เป็นหัวใจของทีม อนาคตอยากเป็นนักฟุตบอลเล่นพรีเมียร์ลีก ทีมไหนก็ได้ครับ แต่ส่วนตัวชอบ เอเดน ฮาซาร์ด เพราะเล่นตำแหน่งคล้ายๆเรา เป็นตัวทำเกมส์ เค้ามีทักษะเลี้ยงคล่อง อยากเก่งเหมือนเค้าครับ”
และตัวแทนเยาวชนไทยคนที่ 4 ชิคเก้น - ด.ช.ปีย์รกา อิทธิโชติกร อายุ 10 ปี เผยว่า “พ่อสนับสนุนให้เล่นฟุตบอลตั้งแต่ อายุ 5 ขวบ ชอบฟุตบอลเพราะได้ฝึกทักษะการวิ่ง ทักษะการโยกหลบให้คล่องตัว ได้ฟิตร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้น มาร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ ก็มีความรู้สึกหวังอยู่ว่าจะได้ไปอังกฤษหรือเปล่า พอรู้ว่าได้ไปก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจมากครับ เพราะก็หวังอยากจะได้ไปร่วมฝึกกับนักเตะเชลซี มาวันนี้ก็ได้เทคนิคการเลี้ยงลูก การหลบบอล การยิงประตู การเดาะบอล ได้ความกล้าแสดงออกเวลายิงลูกเข้าประตู ได้ความสามัคคี และได้เรียนภาษาจากโค้ชไปในตัว นอกจากนี้ฟุตบอลยังให้เราแข็งแรงขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น เวลาฝึกซ้อมเสร็จกลับบ้านดึกก็ต้องรับผิดชอบการบ้านให้เสร็จ ชอบตำแหน่งกองกลาง เพราะเล่นเหมือนตัวฟรี จะรุกหรือรับก็ได้ เป็นเหมือนหัวใจหลักของทีม และคิดว่าเหตุผลที่โค้ชเชลซีเลือกเรา น่าจะเป็นทักษะการเดาะบอล การเลี้ยงการหลบ การยิงประตู และความสามัคคี ซึ่งนักฟุตบอลที่ผมชอบมีหลายคนครับ อย่าง เมสซี เจ, เอเดน ฮาซาร์ด และปีเตอร์เช็ค เพราะเค้าช่วยทีมได้หลายครั้ง เวลาเจอลูกยากๆก็ช่วยเซฟให้ ทำให้ทีมไม่เสียประตู ให้ทีมคว้าแชมป์ได้หลายครั้ง อนาคตถ้าเป็นไปได้ผมอยากเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทย และถ้ามีโอกาสอยากพัฒนาก้าวไปเป็นนักเตะมืออาชีพในยุโรป”
4 เยาวชนไทยที่โชคดีกิจกรรม 2015 ซัมซุง – เชลซี ดรีม เดอะ บลู แคมเปญ ที่จะเป็นตัวแทน เดินทางไปเข้าแคมป์ฝึกซ้อมฟุตบอลที่สโมสรเชลซี ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ ไม่เพียงจะได้ร่วมฝึกเทคนิคทางด้านกีฬาฟุตบอล ยังได้เทรนใกล้ชิดกับเหล่านักเตะชื่อดังจากสโมสรเชลซีอย่างใกล้ชิด รวมถึงยังได้รู้จักกับเพื่อนชาวต่างชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และวัฒนธรรมที่แตกต่างอีกด้วย