สบร. เผยข้อมูล 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ดาวรุ่ง OTOP ไทย ในตลาดโลก พร้อมแนะผู้ประกอบการผนวกความคิดสร้างสรรค์พัฒนาสินค้า ดึงดูดกลุ่มผู้บริโภครายใหม่

ศุกร์ ๐๓ เมษายน ๒๐๑๕ ๑๑:๓๗
องค์การผลิตภัณฑ์ OTOP ของตลาดในและต่างประเทศ ครั้งแรกของประเทศไทย พบ 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ดาวรุ่งที่มีความต้องการสูงสุดในตลาดต่างประเทศ ดังนี้ 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปและเครื่องดื่ม โดยมีประเทศเยอรมนีและสหรัฐอเมริกาต้องการสินค้าสูงสุด โดยในช่วงที่ผ่านมาเยอรมนีมียอดขายสูงถึง 169,791 ล้านเหรียญยูโร และมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นอีก ร้อยละ 0.77ในระยะเวลา 5 ปี และสหรัฐอเมริกามียอดขายสูงถึง 748,712 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นอีก ร้อยละ 2.18 ในระยะเวลา 5 ปี 2.กลุ่มของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก ประเทศญี่ปุ่นมีความต้องการสินค้าสูงสุด โดยมียอดขายในช่วงที่ผ่านมาสูงถึง 9,066 ล้านเยน และมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นอีก ร้อยละ 0.68 ในระยะเวลา 5 ปี และ 3.กลุ่มผ้า เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ ประเทศสิงคโปร์มีความต้องการสินค้ามากที่สุด โดยมียอดขายในช่วงที่ผ่านมาสูงถึง 8,577 ล้านเหรียญสิงคโปร์ และมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นอีก ร้อยละ 2.28 ในระยะเวลา 5 ปี โดยปัจจุบันสินค้าและผลิตภัณฑ์ OTOP มียอดจำหน่ายรวมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ สูงถึงปีละประมาณ 80,000 ล้านบาท ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้จากสถานการณ์การส่งออกของประเทศที่ประสบปัญหาติดลบถึง 6% ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ (ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย) หากผู้ประกอบการ OTOP สามารถพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการของตลาดเป้าหมาย จะสามารถช่วยให้สถานการณ์ดังกล่าวดีขึ้นได้

นายอารยะ มาอินทร์ รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้(สบร.) เปิดเผยว่า จากการที่ สบร. ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยแนวโน้มความต้องการผลิตภัณฑ์ OTOP ของตลาดในและต่างประเทศ มีวัตถุประสงค์ในการชี้ช่องทางพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค เพื่อลดปัญหาอัตราการส่งออกของประเทศที่กำลังติดลบอย่างต่อเนื่องให้ดีขึ้น โดยเน้นศึกษาข้อมูลทั้งเชิงวิชาการจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และเชิงพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมทั้งข้อมูลการตลาดต่างประเทศ กว่า 180 ประเทศ พบ 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายสูงสุด ใน 4 ประเทศ ดังนี้

กลุ่มอาหารแปรรูปและเครื่องดื่ม พบว่า ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้เป็นสินค้าที่มียอดขายในประเทศเยอรมนีและสหรัฐอเมริกามากที่สุด โดยมียอดขายสูงถึง 169,791 ล้านเหรียญยูโร ในเยอรมณี และ 748,712 ล้านเหรียญสหรัฐ ในสหรัฐอเมริกา ขณะที่ข้อมูลพยากรณ์การเติบโตของยอดขายในช่วงปี 2556-2561 จาก Euromonitor พบว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก ร้อยละ 0.77 ในเยอรมนี และ ร้อยละ 2.18 ในสหรัฐอเมริกา โดยประเภทผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ต้องการมาที่สุดในสองประเทศนี้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ประเภทขนมคบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ เช่น ข้าวอินทรีย์แปรรูป ผักอบกรอบแต่งกลิ่นเฉพาะ และผลไม้แปรรูป ผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสแบบไทย เช่น ซอสพริก ซอยปรุงรส และน้ำจิ้มไก่ และผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสุขภาพ เช่น น้ำผลไม้เข้มข้น ชาสมุนไพร ชาผลไม้ เครื่องดื่มชงสำเร็จรูป

สำหรับแนวทางพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารแปรรูปและเครื่องดื่มให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคนั้น ผู้ประกอบการต้องประยุกต์เอาความคิดสร้างสรรค์เข้ามาต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น การคิดค้นกลิ่นและรสชาติใหม่ๆ การสร้างจุดขายโดยการใช้วัตถุดิบธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ใช้ผักออร์แกนิคเป็นส่วนประกอบ และการปรับปรุงรสชาติอาหารโดยลดความหวาน มัน เค็ม และไขมันลง ตามเทรนด์ความต้องการของตลาดโลก ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้ในแง่ของบรรจุภัณฑ์นอกจากต้องปรับปรุงให้มีความทันสมัยสวยงามสะดุดตาแล้ว ขณะเดียวกันยังต้องปรับลดขนาดและปริมาณให้สอดรับกับวิถีชีวิตคนยุคใหม่ที่มีขนาดครอบครัวเล็กลง พร้อมทั้งมีเรื่องเล่าบอกที่มาของผลิตภัณฑ์และข้อมูลคุณค่าโภชนาการ ที่สำคัญต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน GMP, HACCP, FDA, IFOAM เป็นต้น

กลุ่มของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก พบว่า ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้เป็นสินค้าที่มียอดขายในประเทศญี่ปุ่นมากที่สุด โดยมียอดขายสูงถึง 9,066 ล้านเยน ขณะที่ข้อมูลพยากรณ์การเติบโตของยอดขายในช่วงปี 2556-2561 จาก Euromonitor พบว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก ร้อยละ 0.68 โดยเหตุผลหลักที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก ที่ผลิตจากประเทศไทย เนื่องจากมีคุณภาพดีและดีไซน์สวยงาม ดังนั้นในแง่ของการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้โดนใจผู้บริโภคมากขึ้น ผู้ประกอบการต้องคิดค้นผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ ให้มีทั้งความสวยงาม ความคงทน และฟังชั่นการใช้ประโยชน์ที่หลากหลาย โดยเน้นเอาวัสดุเหลือใช้จากธรรมชาติมาสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจ ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและการลดใช้พลังงานมากขึ้น

กลุ่มผ้า เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ พบว่า ผลิตภัณฑ์กลุ่มมียอดขายในประเทศสิงคโปร์มากที่สุด โดยมียอดขายสูงถึง 8,577 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ขณะที่ข้อมูลพยากรณ์การเติบโตของยอดขายในช่วงปี 2556-2561 จาก Euromonitorพบว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก ร้อยละ 2.28 ทั้งนี้สำหรับกระบวนการสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า ผู้ประกอบการต้องเริ่มจากการพัฒนาการออกแบบให้มีความโดดเด่นและทันสมัย โดยประยุกต์เอาวัฒนธรรมและวิถีการดำเนินชีวิตเข้าไปสร้างจุดเด่น แต่ยังคงความประณีตเรียบร้อย เน้นผลิตสินค้าเป็นล็อตเล็กๆ แต่มีความหลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการครอบคลุมทุกกลุ่มอายุ นอกจากนี้ในแง่ของวัสดุก็ต้องมีความคงทนแข็งแรงใช้งานได้นาน ที่สำคัญต้องมีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเองเพราะเป็นที่ชื่นชอบของคนสิงคโปร์

ปัจจุบันสินค้าและผลิตภัณฑ์ OTOP ถือเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้จำนวนมากให้กับประเทศไทย โดยในแต่ละปีมียอดจำหน่ายรวมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ สูงถึงปีละประมาณ 80,000 ล้านบาท ที่ผ่านมารัฐบาลและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงพยายามผลักดันให้ผู้ประกอบการ OTOP และ SMEs ได้เห็นถึงช่องทางในการพัฒนายกระดับสินค้า ให้มีคุณภาพและความโดดเด่นสวยงาม ลบภาพลักษณ์ที่มักถูกมองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้บริโภครายใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานซึ่งมีกำลังซื้อสูง เข้ามากระตุ้นยอดจำหน่ายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศให้เติบโตมากขึ้น

ดังนั้นยุทธศาสตร์การพัฒนาต่อยอดสินค้าและผลิตภัณฑ์ ให้มีคุณภาพและความแปลกใหม่สวยงามจากการใช้ความคิดสร้างสรรค์ จึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการผลักดันธุรกิจ OTOP ไทย ให้สามารถเข้าไปตีตลาดทั้งในและต่างประเทศได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้จากสถานการณ์การส่งออกของประเทศที่ประสบปัญหาติดลบถึง 6% ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ (ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย) หากผู้ประกอบการ OTOP สามารถพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการของตลาดเป้าหมาย จะสามารถช่วยให้สถานการณ์ดังกล่าวดีขึ้นได้ นายอารยะ กล่าวสรุป

ด้าน นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา อุปนายกกลุ่มผักและผลไม้สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่า ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทย ดังนั้นการนำความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ ควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์จึงถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญมาก ในการกู้วิกฤติสถานการณ์ให้ดีขึ้น ทั้งนี้ในส่วนของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มผักและผลไม้นั้น ผู้ประกอบการต้องอาศัยช่องทางส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความชื่อชอบสินค้าและผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยอย่างมาก เพื่อสร้างแบรนด์และชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จัก จากนั้นจึงค่อยๆ ขยายตลาดออกไปในประเทศสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศยุโรปซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูงมาก เพื่อช่วยเพิ่มยอดขายในภาพรวม

ขณะที่ นายศิริชัย เลิศศิริมิตร นายกสมาคมของขวัญของชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้าน กล่าวว่า ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาทั่วโลกจนส่งผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศไทย ในแง่หนึ่งต้องยอมรับว่าสินค้าและผลิตภัณฑ์กลุ่มส่งออกย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามเพื่อกู้วิกฤติสถานการณ์ให้ดีขึ้น คิดว่าภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งปรับกลยุทธ์ โดยพยายามผลักดันยอดการส่งออกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ควบคู่ไปกับการนำข้อมูลที่ได้จากงานวิจัยชิ้นนี้ไปเป็นแนวทางในการพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก ขณะเดียวกันตัวผู้ประกอบการเองก็ต้องพยายามลดต้นทุนลงในการผลิตลง พร้อมกับนำการออกแบบดีไซน์ผลิตภัณฑ์ที่สวยงามและโดดเด่นเข้ามาเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า

ส่วน นายพรเทพ แซ่ลี้ เจ้าของผลิตภัณฑ์กระเป๋าผ้าขาวม้าแบรนด์บุษบา กล่าวว่า การนำความคิดสร้างสรรค์เข้ามาพัฒนาสินค้าให้โดดเด่นสวยงามเพื่อดึงดูดผู้บริโภครายใหม่ๆ ถือเป็นหนึ่งในกระบวนการที่สำคัญมากในการเพิ่มยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในส่วนผลิตภัณฑ์ของตนนั้น ในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายให้ได้ 100% โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการเปิดแบรนด์สินค้าสำหรับผู้ชายเพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นยอดขายภายในประเทศ ส่วนตลาดต่างประเทศได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์ในประเทศญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มยอดส่งออก ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงออกไปในหลายๆ ประเภทผลิตภัณฑ์ ซึ่งน่าจะช่วยให้ธุรกิจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจซบเซาน้อยลง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง
๐๓ พ.ค. มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เดินหน้า โครงการบ้านชื่นสุขสร้างสุขผู้สูงอายุ ตอกย้ำ ความกตัญญู
๐๓ พ.ค. รีเล็กซ์ โซลูชันส์ เผยกลุ่มค้าปลีกและผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคยังไม่ใช้ศักยภาพของ AI มากนัก
๐๓ พ.ค. กทม. บูรณาการหน่วยงานเร่งแก้ปัญหาเด็กเช็ดกระจก-ขายของริมถนน ใช้สหวิชาชีพแก้ปัญหารายครอบครัว