“ซีพีเอฟ อิ่ม สุข ปลูกอนาคต” ส่งเสริมโรงเรียนทั่วประเทศ ร่วมสร้างโภชนาการที่ดี สู่แหล่งเรียนรู้ต้นแบบการพึ่งพาตนเอง

พุธ ๒๙ เมษายน ๒๐๑๕ ๑๕:๓๙
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ เปิดตัว “โครงการซีพีเอฟ อิ่ม สุข ปลูกอนาคต” 60 โรงเรียน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 60 พรรษา ตั้งเป้าร่วมสร้างโภชนาการที่ดีและส่งเสริมการเข้าถึงอาหารแก่เด็กนักเรียนทั่วประเทศกว่า 14,000 คน ในพื้นที่ 67 โรงเรียนทั่วประเทศ โดยคัดเลือกโรงเรียนที่มีศักยภาพรอบโรงงานและฟาร์มของบริษัท ปลูกความรู้และจิตสำนึก ถ่ายทอดแนวทางการผลิต อาทิ การปลูกผัก เลี้ยงปลา เพื่อส่งเสริมการบริโภคที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ถูกหลักโภชนาการ ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พร้อมพัฒนาสู่แหล่งเรียนรู้ต้นแบบในโรงเรียนและชุมชนในอนาคต

นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ กล่าวว่า กว่า 2 ทศวรรษที่ ซีพีเอฟ ในฐานะผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ตระหนักดีถึงความสำคัญของภาวะโภชนาการในเด็กและเยาวชน จึงได้ร่วมกับมูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท สนับสนุนโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์และเหล่าพนักงาน ดำเนิน “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 เป็นต้นมา เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งโปรตีนแก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล และเพื่อต่อยอดความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมสร้างโภชนาการที่ดีในเด็กและเยาวชน ในปีนี้ ซีพีเอฟ จึงได้ร่วมกับ สพฐ. ริเริ่ม “โครงการซีพีเอฟ อิ่ม สุข ปลูกอนาคต” โดยมีเป้าหมายระหว่างปี 2558-2562 ในการขยายผลกระบวนการเรียนรู้และส่งเสริมการเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และเหมาะสมตามหลักโภชนาการไปยังเด็กนักเรียนในพื้นที่รอบโรงงานและฟาร์มของบริษัทจำนวนโรงเรียน 67 แห่ง ได้แก่ ภาคกลาง 26 โรงเรียน ภาคตะวันออก 14 โรงเรียน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 13 โรงเรียน ภาคใต้ 10 โรงเรียน ภาคเหนือ 2 โรงเรียน และภาคตะวันตก 2 โรงเรียน

โครงการนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเป้าหมาย “การส่งเสริมการเข้าถึงอาหาร” ตามทิศทางความรับผิดชอบต่อสังคมของซีพีเอฟภายใต้เสาหลัก “อาหารมั่นคง” ซึ่งเป็น 1 ใน 3 เสาหลักสู่ความยั่งยืน นอกเหนือจากเสาหลัก “สังคมพึ่งตน” และ “ดินน้ำป่าคงอยู่” โดยแนวทางในการดำเนินงานประกอบด้วย 4 ด้านหลัก คือ 1. การส่งเสริมการผลิตอาหาร เช่น การปลูกผัก การเลี้ยงปลา ฯลฯ 2.การส่งเสริมระบบสุขาภิบาลอาหาร เช่น ด้านภาชนะและอุปกรณ์ ด้านสุขอนามัยส่วนบุคคล ด้านสถานประกอบอาหารและรับประทานอาหาร ฯลฯ 3.การให้ความรู้ เช่น ด้านคุณภาพอาหาร ด้านความปลอดภัยอาหาร ด้านโภชนาการอาหาร และ 4.การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ โดยตั้งเป้าหมายให้นักเรียนมีภาวะโภชนาการขาด(ผอมและเตี้ย) และภาวะโภชนาการเกิน(อ้วน) ไม่เกินร้อยละ 15 ของจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ

จากแนวคิด “ให้ปลาหนึ่งตัว มีกินหนึ่งวัน สอนจับปลา มีกินตลอดไป” จึงเป็นที่มาของโครงการซีพีเอฟ อิ่ม สุข ปลูกอนาคต โดยเชื่อว่าเมื่อเด็กและเยาวชน “อิ่ม” ท้องจากการเรียนรู้วิธีการผลิตอาหารควบคู่ไปกับวิถีการบริโภคอย่างมีสุขโภชนาการ ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง หากยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการมีจิตใจแจ่มใส พร้อมเล่นและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เรียกได้ว่า “สุข” ทั้งกาย ใจ สังคม และปัญญา ซึ่งถือเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญของการ “ปลูกอนาคต” เพื่อเด็กและเยาวชนจะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าและมั่นคงต่อไป

นายทรงวุฒิ มลิวัลย์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนากิจกรรมนักเรียน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ในปี 2557 พบว่า นักเรียนอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนปลายในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งมีนักเรียนทั่วประเทศกว่า 7 ล้านคน มีนักเรียนที่มีภาวะโภชนาการขาด (ผอมและเตี้ย) จำนวนกว่า 2.3 ล้านคน หรือราวร้อยละ 33 และภาวะโภชนาการเกิน (อ้วน) จำนวนกว่า 1 ล้านคน หรือราวร้อยละ 14 โดยสาเหตุเกิดจากการบริโภคไม่ถูกหลักโภชนาการ และการบริโภคอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ปัญหาสุขภาพ พัฒนาทางร่างกายและสติปัญญา รวมถึงส่งผลไปถึงการเรียนของเด็ก

ที่ผ่านมาภาครัฐมุ่งที่จะแก้ปัญหาภาวะทุพโภชนาการของเด็ก เพื่อส่งเสริมให้เด็กได้รับอาหารอย่างถูกต้องตามหลักโภชนาการ และพิจารณาเห็นว่า “โครงการซีพีเอฟ อิ่ม สุข ปลูกอนาคต” เป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน นักเรียน และชุมชน และนับเป็นต้นแบบของการดำเนินงานและพัฒนาแบบมีส่วนร่วมในเชิงบูรณาการทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคสังคม อีกทั้งสอดคล้องกับแนวทางการแก้ไขปัญหาของภาครัฐเพื่อร่วมกันบรรเทาและส่งเสริมโภชนาการที่ดีแก่เด็กและเยาวชน ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ

โครงการ “ซีพีเอฟ อิ่ม สุข ปลูกอนาคต” ดำเนินการภายใต้แผนงาน 5 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2558-2562 โดยในปีที่ 1 (พ.ศ. 2558) จะมุ่งเน้นการปลูกความรู้และจิตสำนึก (Learning) ผ่านการถ่ายทอดแนวทางการผลิตอาหารและการบริโภคเพื่อสุขภาพที่ดี ปีที่ 2-3 (พ.ศ. 2559-2560) ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Sharing) ระหว่างโรงเรียนที่ดำเนินโครงการถึงแนวทางการบริหารโครงการและจัดการผลผลิตให้เกิดความยั่งยืน และในปีที่ 4-5 (พ.ศ.2561-2562) จะพัฒนาสู่เครือข่าย (Networking) โดยสนับสนุนโรงเรียนที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินโครงการ ตลอดจนมีศักยภาพและขีดความสามารถ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบในโรงเรียนและชุมชนต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๔ พ.ค. C Rhyne Group ร่วมจัดงาน Asia Top Awards 2024 พร้อมรับรางวัล Business Awards
๒๔ พ.ค. FTI พบนักลงทุน Opportunity Day โชว์ผลงานไตรมาสแรก ปี 67
๒๔ พ.ค. ต้อนรับศูนย์อินเดียฯ สู่สถาบันเอเชียศึกษา พร้อมเปิดตัวหนังสือพุทธโคดม : บทวิเคราะห์เชิงรัฐศาสตร์ ว่าด้วยพุทธประวัติในบริบททางเศรษฐกิจ การเมือง
๒๔ พ.ค. Alibaba Cloud ประกาศเปิด Availability Zones ใหม่ และลงทุนทั่วโลกเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมด้าน AI
๒๔ พ.ค. PwC ประเทศไทย แนะซีเอฟโอสร้างทัศนคติทางดิจิทัลเพื่อพลิกโฉมฝ่ายการเงิน
๒๔ พ.ค. เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส จับมือ กรมป่าไม้ จัดโครงการรักษาผืนป่า JT Forest สร้างการตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อม
๒๔ พ.ค. 3 นวัตกรรมจุฬาฯ คว้ารางวัลเหรียญทอง และถ้วยรางวัลพิเศษ จากเวทีนวัตกรรมนานาชาติในงาน ITEX 2024 ที่มาเลเซีย
๒๔ พ.ค. ส่องไอเดียเยาวชนสร้างสรรค์! DekSDM SPU ออกแบบ Art Toy สุดน่ารัก หนึ่งในผลงาน โชว์บนเวที Thailand Toy Expo
๒๔ พ.ค. MAGURO เคาะราคาไอพีโอ 15.90 บาท จองซื้อ 28-30 พ.ค.นี้ ระดมทุนขยายธุรกิจ- หนุนการเติบโต และเสริมแกร่งการเงิน จ่อเทรด 5 มิ.ย.
๒๔ พ.ค. มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาสในโครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา