นายไคลี อึง (Khailee Ng) ผู้บริหารของกองทุน 500startup ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า "กลุ่ม 500สตาร์ตอัพ (500Startups) นำโดย Dave McClure อดีต early member ของ PayPal, อดีตผู้จัดการกองทุน Facebook Fund และ Founder Fund นักลงทุนชื่อดังของโลกจากศูนย์บ่มเพาะซิลิคอน วัลเล่ย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มองเห็นในศักยภาพและโอกาสของผู้ประกอบการด้านไอทีในประเทศไทย จึงได้ทำการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ตอัพในประเทศไทย โดยใช้ชื่อกองทุนนี้ว่า 500Tuktuks (500ตุ๊กตุ๊ก) โดยทางกลุ่ม 500สตาร์ตอัพได้ร่วมกับนักลงทุนชั้นนำในเมืองไทย เตรียมลงทุนมูลค่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 300 ล้านบาทในกองทุนดังกล่าว ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และมีศักยภาพการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน ที่พร้อมรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในช่วงปลายปี 2558 นี้ด้วย
“500 Startups เข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2556 กับโครงการ ‘Geeks On A Plane’ และได้เข้าไปจัดตั้งกองทุนในอีกหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ สิงคโปร์ อินโดนีเชีย และในมาเลเซีย เมื่อปี 2557 ซึ่งที่ผ่านมาทางกลุ่ม 500Startups ตั้งเป้าที่จะเข้าตลาดไทยเป็นรายแรกๆ เช่นเดียวกับเหล่านักลงทุนรายบุคคลหรือ Angel investor และกองทุนเพื่อการร่วมลงทุนอย่าง Inspire, Ardent Capital,
CyberAgent และ InVent/InTouch นอกจากนี้กองทุน Global funds และ 500Durians 500Startups ได้ตั้งกองทุนสำหรับประเทศเม็กซิโกที่มีชื่อว่า 500Luchadores และอยู่ระหว่างการวางแผนที่จะตั้งอีกกองทุนสำหรับอินเดียอีกด้วย”
ด้าน นายณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอุ๊คบี (Ookbee) แอพพลิเคชั่นร้านหนังสือในรูป แบบดิจิทัล ในฐานะผู้จัดการกองทุน 500Tuktuks (500ตุ๊กตุ๊ก) กล่าวว่า "นโยบายของรัฐบาลในชุดปัจจุบันยังมียุทธศาสตร์ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ภายใต้ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital economy) ถือว่าเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการสตาร์ตอัพได้เริ่มต้นธุรกิจโดยเฉพาะด้านไอที ขณะเดียวกันประเทศไทยมีระบบนิเวศที่ช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทย สามารถสร้างการเติบโตและประสบความสำเร็จในธุรกิจได้ เห็นได้จากที่ผ่านมาเพียงระยะเวลา 2 ปีที่ 500Startups เข้ามาในประเทศไทย ได้สามารถระดมทุนกว่า 25 ล้านเหรียญหรือประมาณ 750 ล้านบาท สำหรับกองทุน 500Tuktuks (500ตุ๊กตุ๊ก) นั้น ได้เตรียมงบประมาณสำหรับผู้ประกอบการเริ่มต้นกิจการ ด้วยงบประมาณเริ่มแรก 50,000-150,000 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 150,000-4,500,000 บาท และอีก 100,000- 150,000 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 300,000 - 4.5 ล้านบาท ให้กับสตาร์ตอัพดาวรุ่งที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต โดยคาดว่าใน 3 ปีแรกจะสามารถช่วยผู้ประกอบการได้อย่างน้อย 50 ราย ซึ่งประเทศไทยมีโอกาสและศักยภาพทางเศรษฐกิจที่จะส่งผลให้ผู้ประกอบการสตาร์ตอัพรุ่นใหม่ได้เติบโต และสามารถสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งจากขนาดตลาดที่มีจำนวนประชากรมากกว่า 65 ล้านคน และมีจำนวนผู้เข้าถึงอินเตอร์เน็ตถึง 40 ล้านคน เนื่องจากอัตราการใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังมีแอพพลิเคชั่นไลน์ (Line) เป็นสื่อสังคมออนไลน์ (social network) ที่คนในประเทศใช้มากที่สุดถึง 35 ล้านคน มากกว่าจำนวนผู้ใช้งานเฟสบุ๊ค (Facebook) จึงทำให้สตาร์ตอัพหลายราย รวมถึง Ookbee ได้มองเห็นโอกาสตรงนี้"
ขณะที่ นายเรืองโรจน์ พูนผล ผู้ก่อตั้ง ‘Disrupt University’ โรงเรียนบ่มเพาะผู้ประกอบการที่เผยแพร่องค์ความรู้จาก Silicon Valley และในฐานะผู้จัดการกองทุน 500Tuktuks (500ตุ๊กตุ๊ก) กล่าวว่า "ที่ผ่านมา 500 Startups มีพอร์ตการลงทุนของในประเทศไทยมากกว่า 8 บริษัทในนาม 500Durians ซึ่งกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนย่อยที่ลงทุนเฉพาะในภูมิภาคเอเชียใต้ เช่น Noonswoon, Playbasis, Eko, Pomelo และ Taamkru เป็นต้น ส่วนกองทุน 500Tuktuks (500ตุ๊กตุ๊ก) จะโฟกัสการลงทุนเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น โดยชื่อกองทุนได้ตั้งขึ้นตามชื่อรถสามล้อยอดฮิตสัญลักษณ์ของเมืองไทย
สำหรับประวัติของนายเรืองโรจน์ หรือกระทิง ก่อนที่ก้าวเข้ามาเป็นผู้บริหารกองทุน 500Tuktuks (500ตุ๊กตุ๊ก) นั้น ได้เคยทำงานที่ Google ในตำแหน่ง Product Marketing Manager เป็นเวลา 2 ปี ก่อนที่จะมาสร้าง Mobilitz สตาร์ทอัพของตนเองในซิลิคอน วัลเล่ย์ หลังจากนั้นได้เข้าร่วมงานกับ DTAC ในฐานะ Senior Vice President and Head of Products Division ก่อนมาเป็นที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ (Strategic Advisor) โดยปัจจุบันนายเรืองโรจน์ ดำรงตำแหน่ง Commercial Director ให้กับ Telenor Digital และดูแลโครงการ Internet for All เพื่อกระจายการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้กับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลเป็นจำนวน 10 ล้านคน
นอกจากนี้นายเรืองโรจน์ ยังมีส่วนสำคัญในการปลุกปั้นระบบนิเวศของสตาร์ตอัพประเทศไทยมาโดยตลอด โดยได้ก่อตั้ง Disrupt University ซึ่งเป็นสถาบันสร้าง Accelerator ในกรุงเทพฯ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเชื่อมโยงความรู้และนวัตกรรมจากสตาร์ตอัพในซิลิคอน วัลเล่ย์ และบริษัทเทคโนโลยี เข้ากับสตาร์ตอัพในประเทศไทย ขณะเดียวกันยังได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรในงานอีเวนต์ใหญ่ๆ ในระดับเอเชีย อย่าง Echelon Thailand และ TEDxChiangMai อีกด้วย
โดยสตาร์ตอัพในประเทศไทยที่สนใจมาร่วมลงทุนกับกองทุน 500TukTuks ของกลุ่ม 500Startups จากศูนย์บ่มเพาะซิลิคอน วัลเล่ย์ ประเทศอเมริกา ซึ่งได้ร่วมมือกับนักลงทุนชาวไทย ผ่านบริษัท Technology Startup นอกจากจะได้รับเงินทุนสนับสนุนแล้ว ก็ยังจะได้รับ know how จากซิลิคอน วัลเล่ย์ และเครือข่าย mentors และ expert ระดับโลก และทีมผู้ก่อตั้งกว่า 1,000 คน พร้อมโอกาสในการเข้าถึงเงินลงทุนในรอบถัดไป ซึ่งจะช่วยให้สตาร์ตอัพของไทยไปถึงระดับโลกอย่างแท้จริง โดยผู้สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 088-0222289 หรือทาง Email Address : [email protected] และ [email protected] ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
ทีมประชาสัมพันธ์
โทรศัพท์ 081-6285141