กระทรวงพลังงานชี้แจง การบริหารจัดการแอลพีจี ภาคขนส่ง

พฤหัส ๑๔ พฤษภาคม ๒๐๑๕ ๑๐:๑๔
กระทรวงพลังงานชี้แจง การบริหารจัดการแอลพีจี ภาคขนส่ง เป็นการดำเนินการระยะยาวภายใต้แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ต้องรวบรวม และรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ชี้แนวโน้มความนิยมก๊าซแอลพีจีที่ลดลง เป็นผลจากกลไกราคา คุณภาพเชื้อเพลิง ความปลอดภัย และประเภทของเชื้อเพลิงทางเลือกที่เพิ่มขึ้น

นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า ตามที่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)สำหรับรถยนต์ มีความวิตกว่า กระทรวงพลังงานกำลังจะเสนอให้มีการปรับภาษีสรรพสามิตสำหรับแอลพีจี และจัดเก็บภาษีนำเข้าอุปกรณ์ตัวถังแอลพีจี(LPG) ที่จะนำมาติดตั้งใช้ในรถยนต์ ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ กระทรวงพลังงานขอชี้แจงว่าข่าวดังกล่าวคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ดังต่อไปนี้

ในระยะเวลาที่ผ่านมากระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan)ซึ่งเป็น 1 ใน 5 แผนหลัก ในการวางกรอบแผนพลังงานในภาพรวม ส่วนอีก 4 แผนได้แก่ แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP)แผนพัฒนาพลังงานทดแทน (AEDP)แผนอนุรักษ์พลังงาน (EE) และ แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan)ซึ่งการจัดทำแผนพลังงานดังกล่าวมีกำหนดแล้วเสร็จและนำเสนอ 3 แผนแรก (PDP AEDP EE) คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)14 พฤษภาคมนี้ ส่วนการดำเนินการตามแผนในรายละเอียดนั้น เป็นการดำเนินงานในระยะยาว ซึ่งต้องผ่านการกำหนดนโยบาย และแผนปฏิบัติการในระยะต่อไป

สำหรับเชื้อเพลิงแอลพีจีนั้น ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในพลังงานทางเลือกที่ได้รับความนิยม โดยได้รับอานิสงค์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในอดีต โดยราคาแอลพีจีในภาคขนส่ง ได้ผูกติดกับราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนที่ก่อนหน้านี้ภาครัฐให้การอุดหนุน แต่ภาครัฐก็ไม่เคยมีนโยบายส่งเสริมการให้แอลพีจีในภาคขนส่ง เนื่องจากเห็นว่าเป็นการใช้พลังงานผิดประเภท อีกทั้งมีปัญหาทั้งด้านความปลอดภัย และมาตรฐานการติดตั้ง

ต่อมาเมื่อกระทรวงพลังงานได้จัดทำแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan) ก็ได้กำหนดแนวทางผลักดันการใช้เชื้อเพลิงทดแทนทั้งเอทานอลไบโอดีเซล และ ไฟฟ้า ซึ่งมีปริมาณและสัดส่วนการใช้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงได้มีการศึกษาและพิจารณาบทบาทของแอลพีจีในภาคขนส่งในระยะยาว ว่าอาจจะมีบทบาทลดลงตามกลไกอยู่แล้ว อีกทั้งแม้ว่ารัฐบาลจะไม่เคยมีนโยบายส่งเสริมการใช้แอลพีจีภาคขนส่งอย่างจริงจัง แต่ก็มีผู้ใช้ และธุรกิจเกี่ยวเนื่องเป็นจำนวนมาก จึงอาจที่จะมีการปรับตัวเพิ่มเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

“ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ราคาน้ำมันได้ปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นผลทั้งจากราคาในตลาดโลกและกลไก ที่กระทรวงพลังงานได้ปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้เกิดความธรรมในทุกภาคส่วน ส่งผลให้ส่วนต่างราคาระหว่างราคาน้ำมัน และก๊าซแอลพีจีแคบลง ผู้ใช้รถยนต์จึงหันมาใช้น้ำมันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาดร้านค้า ความเชื่อมั่นในคุณภาพ และความปลอดภัยของผู้ใช้ รวมถึงสอดคล้องกับทิศทางของพลังงานทางเลือกในอนาคต ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงพลังงาน โดยกรมธุรกิจพลังงาน ได้จัดการประชุมกลุ่ม (Focus Group) กับผู้ประกอบการธุรกิจก๊าซแอลพีจี ในภาคขนส่ง เพื่อรับทราบ และยังให้มีการศึกษาผลกระทบ ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดแนวทางในการปรับตัว รองรับการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวต่อไป”นายทวารัฐ กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน