บมจ.ฟอร์จูนพาร์ท อินดัสทตรี้ (FPI) โชว์ฟอร์มเจ๋ง! ออกสตาร์ทโค้งแรกไปได้สวย ไตรมาส 1/58 กำไรสุทธิ 37.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.28% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 36.70 ล้านบาท “สมพล ธนาดำรงศักดิ์”มั่นใจทุกอย่างไปได้สวย เตรียมขยายกำลังการผลิต หลัง Warehouse สร้างเสร็จ-โรงงานผลิตชิ้นส่วนพลาสติกที่ร่วมลงทุนกับพันธมิตรในเอกวาดอร์ เตรียมเดินเครื่องผลิตในไตรมาส 2/58มั่นใจรายได้พุ่งแตะ 2.1 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15-20% ตามเป้า พร้อมเปิดแผน 5 ปี เตรียมเปิดสาขาใน 5ประเทศ
นายสมพล ธนาดำรงค์ศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูนพาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (FPI) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1/2558 มีรายได้รวม 440.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.34 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 366.33 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 37.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 36.70 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2558 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต15-20% มาอยู่ที่ระดับ 2,100 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้รวม 1,858 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่กว่า 87% มาจากต่างประเทศ และส่วนที่เหลือ 13%เป็นรายได้จากในประเทศ
นายสมพล กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ บริษัทเตรียมเพิ่มกำลังการผลิต หลังจากที่ Warehouse แห่งใหม่สร้างเสร็จ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทสามารถเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 30% จากปัจจุบันใช้กำลังการผลิตที่ 60-70%ดังนั้น จะรองรับออเดอร์ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่จะเข้ามากว่า 50 โครงการในปีนี้ได้ ทั้ง Toyota,Nissan, Suzuki, Mitsubishi เป็นต้น ช่วยผลักดันรายได้ในปีนี้ให้เติบโตเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนของโรงงานผลิตชิ้นส่วนพลาสติกที่ร่วมทุนกับINVEMIK CIA,LTDA ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำเข้ารถยนต์รายใหญ่ในประเทศเอกวาดอร์จัดตั้งบริษัท FORTUNE-PARTS INDUSTRY ECUADOR CIA,LTDA. คาดว่าจะก่อสร้างโรงงานแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาส 3/58 และเดินเครื่องผลิตได้ทันที ทำให้แนวโน้มรายได้ทั้งในและต่างประเทศ ในปีนี้ของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีแผนขยายการลงทุนเพิ่มอีกปีละ 5 สาขาภายใน 5 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างมองหาพันธมิตรร่วมทุนต่างประเทศ โดยสนใจประเทศตุรกี อินเดีย อเมริกา จีน และแม็กซิโก เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ และกระจายความเสี่ยงการลงทุน สร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับบริษัทและผู้ถือหุ้นในอนาคต