กสิกรไทยชู 2 พันธมิตรระดับโลก ดันศาสตร์สากลต่อยอดธุรกิจครอบครัว

อังคาร ๐๗ กรกฎาคม ๒๐๑๕ ๑๖:๒๙
กสิกรไทยดึง IMD และธนาคารลอมบาร์ด โอเดียร์ เสริมองค์ความรู้ธุรกิจครอบครัวไทย ถ่ายทอดมุมมองและประสบการณ์ด้านบรรษัทภิบาลและยุทธศาสตร์การบริหารในระดับสากล หวังช่วยการส่งต่อธุรกิจครอบครัวไทยมูลค่า 17 ล้านล้านบาทสู้ศึกการค้ายุคไร้พรมแดนอย่างราบรื่นยั่งยืน

นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยในฐานะผู้นำอันดับ1 ในการเป็นธนาคารหลักของลูกค้ากลุ่มธุรกิจครอบครัวของไทย ซึ่งมีมูลค่าธุรกิจรวมกันสูงถึง 17 ล้านล้านบาท ดังนั้นการพัฒนาธุรกิจและการส่งต่อธุรกิจครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่น จึงมีความสำคัญต่อภาพรวมธุรกิจของประเทศเป็นอย่างมาก

ธนาคารกสิกรไทย จึงได้จับมือเป็นพันธมิตรกับสถาบัน IMD ซึ่งเป็นศูนย์ธุรกิจครอบครัวระหว่างประเทศอันดับ 1 ของโลก และธนาคารลอมบาร์ด โอเดียร์จากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นธนาคารที่มีประสบการณ์ด้านไพรเวทแบงกิ้งและการบริหารความเสี่ยงมายาวนานกว่า 200 ปี ในการฝึกอบรมและให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจครอบครัวในประเทศไทยในการส่งต่อธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งด้านบริหารจัดการเพื่อแข่งขันในเวทีการค้าโลกที่มีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว

ที่ผ่านมาธุรกิจครอบครัวมีปัจจัยอ่อนไหวที่มักเกิดขึ้นจากปัจจัยต่างๆ เช่น การส่งต่อธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่นที่อาจจะยังไม่พร้อมส่งต่อธุรกิจ การบริหารจัดการภายในครอบครัวซึ่งมีความอ่อนไหวทางอารมณ์มากกว่าธุรกิจที่ไม่ใช่ครอบครัว ความรู้สึกของสมาชิกครอบครัวที่มีต่อการจัดการเรื่องการเงินภายในครอบครัว และความแตกต่างระหว่างรุ่นพ่อและรุ่นลูก ซึ่งต้องหาจุดร่วมที่ทั้ง 2 รุ่นจะเดินไปด้วยกัน ดังนั้นยุทธศาสตร์บรรษัทภิบาลในธุรกิจครอบครัว(Governance in Family Business) จึงถือเป็นหลักสำคัญที่จะช่วยเสริมโอกาสแห่งการเติบโตและขยายตัวต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ธุรกิจครอบครัวมีความสำคัญต่อภาคเศรษฐกิจในทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยในสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนของธุรกิจครอบครัวสูงถึง 80-90% ในยุโรปมีสัดส่วนของธุรกิจครอบครัว 83% และในตะวันออกกลางมีสัดส่วนของธุรกิจครอบครัวอยู่ประมาณ 75% ส่วนในประเทศไทยธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่มีอยู่มากกว่า 50% หรือราว 7,500 บริษัท

ปัจจุบันการดำเนินธุรกิจครอบครัวของไทยส่วนใหญ่เป็นการบริหารงานของทายาทธุรกิจในรุ่นที่ 2-3 ที่กำลังจะส่งมอบให้รุ่นที่ 3-4 ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายของธุรกิจครอบครัวในการคัดเลือกทายาทและรูปแบบวิธีการดำเนินธุรกิจเพื่อส่งต่อรุ่นต่อไป เนื่องจากโอกาสของการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นยิ่งน้อยลง จากสถิติพบว่าการสืบทอดธุรกิจครอบครัว 70% ไม่สามารถอยู่รอดไปถึงรุ่นที่ 2 และ กว่า 90% ไม่สามารถอยู่รอดไปถึงรุ่นที่ 3 จึงเหลือธุรกิจที่อยู่รอดถึงรุ่นที่ 3 เพียง 4% ส่วนอายุเฉลี่ยของธุรกิจครอบครัวก็สั้นลงจากอายุเฉลี่ยของธุรกิจครอบครัวในปี 1990 คือ 50-60 ปี (ประมาณรุ่น 2-3) เหลืออายุเฉลี่ยของธุรกิจครอบครัวในปัจจุบัน คือ 24 ปี (ประมาณรุ่น 1-2) ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ทำให้ธนาคารตระหนักถึงความมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจครอบครัวไทยให้เติบโต พร้อมส่งต่อธุรกิจครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างยั่งยืน ภายใต้การดูแลลูกค้าธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่ของธนาคารสามารถช่วยให้ลูกค้าธุรกิจครอบครัวเติบโตได้มากขึ้น

ศาสตราจารย์เดนนิส เคนยอน ฮูวิเน่ ผู้อำนวยการศูนย์ธุรกิจครอบครัวระหว่างประเทศ สถาบัน IMD กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางสู่การส่งต่อธุรกิจครอบครัวอย่างยั่งยืนภายใต้แนวทางบรรษัทภิบาล หรือ Corporate Governance เป็นยุทธศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ซึ่งหมายถึงการบริหารจัดการที่ดีเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายต่อผลการดำเนินงานที่ดีและสร้างผลตอบแทนแก่องค์กรในระยะยาว สามารถตอบโจทย์ธุรกิจในการเตรียมพร้อมตนเองในการแข่งขันได้เป็นอย่างดี แต่บรรษัทภิบาลในธุรกิจครอบครัวก็มีความซับซ้อนมากกว่าธุรกิจทั่วไป เพราะมีเรื่องของสมาชิกครอบครัวหรือหุ้นส่วนเป็นตัวแปรสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ

โดยจุดมุ่งหมายหลักของการมีบรรษัทภิบาลในธุรกิจครอบครัว นอกจากจะทำให้ระบบการทำงานเป็นรูปแบบที่โปร่งใส สร้างความไว้วางใจระหว่างสมาชิกครอบครัวแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้คือสามารถนำธุรกิจครอบครัวไปสู่เป้าหมายปลายทางของการดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน นั่นคือ ผลการดำเนินธุรกิจโดดเด่นและเติบโตและความสมานฉันท์ระหว่างสมาชิกครอบครัวที่จะเป็นใบเบิกทางสู่การส่งต่อธุรกิจครอบครัวหรือการวางแผนทรัพย์สินร่วมกัน

ในขณะที่ มิสแอน มารี เดอ เวค รองประธาน กลุ่มธนาคารลอมบาร์ด โอเดียร์ สวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่า หากธุรกิจครอบครัวสามารถดำเนินไปตามแนวทางบรรษัทภิบาลจะช่วยผลักดันการบริหารสินทรัพย์ของธุรกิจครอบครัวได้เป็นอย่างดี โดยข้อปฏิบัติด้านบรรษัทภิบาลในธุรกิจครอบครัวที่ใช้สืบต่อกันมานาน มีดังนี้ ข้อปฏิบัติด้านสมาชิกและหุ้นส่วนธุรกิจครอบครัว ภายใต้ข้อกฎหมาย และกฎระเบียบต่างๆ ร่วมกัน (Partnership – Legal Structure)ด้านการบริหารการเงิน (Financing) ด้านการบริหารความเสี่ยง (Risk Awareness) และด้านการส่งต่อทางธุรกิจ(Next Generation)

นายธีรนันท์ กล่าวตอนท้ายว่า ความร่วมมือกับพันธมิตรด้านธุรกิจครอบครัวในระดับโลกในครั้งนี้ ไม่เพียงตอกย้ำความเป็นที่ 1 ในการเป็นธนาคารหลักของธุรกิจครอบครัวไทย แต่การจับมือกับศูนย์ธุรกิจครอบครัวระหว่างประเทศ สถาบัน IMDและธนาคารลอมบาร์ด โอเดียร์จากสวิตเซอร์แลนด์ จะเป็นประโยชน์อย่างมากแก่ลูกค้าธุรกิจครอบครัว โดยเฉพาะธุรกิจครอบครัวไทยขนาดใหญ่ซึ่งมีศักยภาพพร้อมเติบโตและส่งต่อธุรกิจได้อย่างมั่นคงเมื่อเข้าสู่ AEC และแข่งขันในเวทีการค้าโลก โดยกสิกรไทยเชื่อว่าธุรกิจครอบครัวไทยจะได้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญจากทั้ง 2 สถาบันในรูปแบบที่แตกต่าง แต่ลงตัวเหมาะสม เป็นรากฐานสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจครอบครัวและการส่งต่อธุรกิจครอบครัวให้เติบโตได้อย่างมั่นคง สามารถสร้างมูลค่าโดยรวมต่อเศรษฐกิจในประเทศต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง