เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ ร่วมมือกับ พีที ซิดน่า ฟาร์มา รุกตลาดเวชกรรมในอินโดนีเซีย

อังคาร ๐๑ กันยายน ๒๐๑๕ ๑๑:๒๐
บรรยายภาพ (จากซ้าย): นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและชีฟโค้ช บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ จำกัด (มหาชน) และ นายเซตียวัน อลูวี ประธานกรรมการบริษัท พีที ซิดน่า ฟาร์มา ร่วมลงนามในสัญญาอย่างเป็นทางการ ณ กรุงจาการ์ต้า สาธารณรัฐอินโดนีเซีย

บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านเวชภัณฑ์คุณภาพสูงและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอาเซียนขยายธุรกิจไปยังประเทศอินโดนีเซียด้วยการจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ พีที ซิดน่า ฟาร์มา หนึ่งในบริษัทด้านเวชภัณฑ์ชั้นนำของอินโดนีเซีย

นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและชีฟโค้ช บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวในพิธีลงนามในสัญญาว่า“อินโดนีเซียถือเป็นตลาดสำคัญสำหรับธุรกิจด้านเวชภัณฑ์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 12.5 ต่อปี การร่วมทุนกับบริษัท พีที ซิดน่า ฟาร์มา นี้จะเป็นอีกหนึ่งย่างก้าวที่สำคัญในการพัฒนาธุรกิจในวงการเฮลธ์แคร์ และเมก้ามีความภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนานี้”

สัญญาฉบับนี้จะทำให้เมก้าสามารถนำระบบการจัดส่งประสิทธิภาพสูงเข้าไปใช้ในการจัดส่งยาในอินโดนีเซียได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง โดยการดำเนินการถ่ายทอดทักษะด้านระบบเทคโนโลยีและการจัดการการผลิต ผ่านบริษัท พีที ซิดน่า ฟาร์มา ที่มีความเชี่ยวชาญอยู่ในพื้นที่

ยิ่งไปกว่านั้น ข้อตกลงนี้จะทำให้เมก้าสามารถเข้าครอบครองตลาดที่ใหญ่สุดในอาเซียน ด้วยการนำความชำนาญในการทำธุรกิจด้านเวชกรรมมาผนวกกับความสามารถด้านการผลิตอันแข็งแกร่งของซิดน่า ฟาร์มา ซึ่งจะทำให้เมก้าสามารถเจาะตลาดเข้าไปจำหน่ายเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพคุณภาพสูงได้มากขึ้น และในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งสองบริษัทกำลังจะร่วมกันเปิดโรงงานผลิตในประเทศอินโดนีเซีย และลงทุนด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์จดทะเบียนใหม่ๆ และการขายร่วมกันอีกด้วย

การร่วมทุนนี้เกิดขึ้นจากการบังคับใช้แผนการประกันสุขภาพแห่งชาติของอินโดนีเซียหรือ BPJS เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557 โดยในปัจจุบัน ประเทศอินโดนีเซียมีบริษัทผู้ผลิตจดทะเบียนกลุ่มธุรกิจด้านเวชกรรมทั้งที่เป็นของอินโดนีเซียและของต่างชาติรวมราว 175 บริษัท และการร่วมมือระหว่างบริษัทไทยและอินโดนีเซียในครั้งนี้จะทำให้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทเวชภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียน

มูลค่าตลาดในกลุ่มเฮลท์แคร์ทั้งหมดของอินโดนีเซียอยู่ที่ 23 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ โดยตลาดเวชกรรมมีมูลค่าประมาณ 6.24 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ ด้วยจำนวนประชากรของอินโดนีเซียกว่า 256 ล้านคน ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความร่วมมือระหว่างอินโดนีเซียและไทยในครั้งนี้ จะทำให้ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศมีความแข็งแกร่งมากขึ้น นับตั้งแต่อินโดนีเซียมีการบังคับใช้กฎหมายในปี พ.ศ. 2551 ที่กำหนดให้บริษัทเวชภัณฑ์ต่างชาติต้องเข้าเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทผู้ผลิตสัญชาติอินโดนีเซียจึงจะทำการจดทะเบียนสินค้าได้

นายเซตียวัน อลูวี ประธานกรรมการบริษัท พีที ซิดน่า ฟาร์มา กล่าวว่า “ซิดน่ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทสัญชาติไทยอย่าง เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ ที่จะเข้ามาเป็นกำลังสำคัญในการจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพคุณภาพระดับโลกในตลาดอินโดนีเซีย ความร่วมมือระหว่างทั้งสองบริษัทในครั้งนี้ถือเป็นแบบอย่างในการแลกเปลี่ยนความรู้ความชำนาญระหว่างประเทศในอาเซียนด้วยกัน ซึ่งสะท้อนถึงเจตนารมณ์อันแท้จริงของการรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน”

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๓๗ ซีเอ็ด รับมอบรางวัลผู้สนับสนุนหนังสือ และสื่อ ให้แก่กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.)
๑๖:๓๒ MOU ระหว่างมหาวิทยาลัยมหาสารคาม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ กับ บริษัท อินเตอร์คอนเน็ค โซลูชั่น
๑๖:๐๔ จุฬาฯ จัดอบรมหลักสูตร CANN-B สร้างผู้เชี่ยวชาญแนะสูตรสำเร็จด้านธุรกิจกัญชา
๑๖:๕๘ สิงห์ เอสเตท จัดประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 เคาะจ่ายปันผลประจำปี หุ้นละ 0.015 บาท พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจโตต่อเนื่อง
๑๖:๑๐ 'อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์' จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 อนุมัติจ่ายเงินปันผล 0.75 บาทต่อหุ้น
๑๖:๐๑ ผู้ถือหุ้น TEGH อนุมัติจ่ายปันผลปี 66 หุ้นละ 0.10 บ. แย้มปี 67 ผลงานสดใสรับอานิสงส์ EUDR ครึ่งปีหลัง ลุยส่งมอบยางแท่งลูกค้ายุโรป -
๑๖:๓๘ ผถห. PSP เคาะจ่ายปันผลปี 66 หุ้นละ 0.15 บ.
๑๖:๓๗ ผู้ถือหุ้น SELIC มีมติไฟเขียวแจกปันผลเป็นเงินสดรวม 0.03273 บาทต่อหุ้น
๑๖:๕๖ ผถห.PREB เฮ!อนุมัติจ่ายปันผล 0.40 บ./หุ้น รับทรัพย์ 24 พ.ค.นี้ กอด Backlog โครงการก่อสร้างกว่า 8.2 พันลบ.รับรู้รายได้ยาว
๑๖:๓๑ SGP จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (E-AGM) ประจำปี 2567 ผถห.อนุมัติจ่ายปันผลครึ่งปีหลัง 0.15 บาท/หุ้น