GL รุกเปิดตลาดอินโดนีเซีย ก้าวสู่ผู้นำธุรกิจเช่าซื้อในอาเซียน

อังคาร ๐๘ กันยายน ๒๐๑๕ ๑๒:๒๒
บมจ.กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL หนึ่งในผู้นำผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ เดินหน้าตั้งบริษัทฯ ใหม่ รุกตลาดอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ มีประชากรมากกว่า 250 ล้านคน โดยอาศัยเครือข่ายธนาคารท้องถิ่นในอินโดนีเซียเป็นพันธมิตร เจาะตลาดเช่าซื้อครบวงจร หนุนบริษัทฯ ขึ้นแท่นสู่ผู้นำธุรกิจเช่าซื้อในอาเซียน

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL หนึ่งในผู้นำผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ เปิดเผยว่า GL ได้เริ่มขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัทฯ ใหม่เพื่อทำธุรกิจเช่าซื้อในอินโดนีเซีย โดยเป็นบริษัทฯ ร่วมทุนระหว่าง GLH (บริษัทฯโฮลดิ้งของ GL ในสิงคโปร์) เข้าถือหุ้น 65% กลุ่ม J Trust Asia ของญี่ปุ่นถือหุ้น 20% และกลุ่มทุนท้องถิ่นอินโดนีเซียถือหุ้นอีก 15% โดยบริษัทฯ ใหม่นี้จะอาศัยเครือข่ายสาขาของธนาคารท้องถิ่นในอินโดนีเซียจำนวน 62 แห่ง ซึ่งกลุ่ม J Trust เป็นเจ้าของ เปิดจุดให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ เครื่องจักรกลการเกษตร เครื่องใช้ไฟฟ้าและแผงโซลาร์เซล ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ร่วมทุนใหม่นี้ยังพร้อมควบรวมกิจการกับไฟแนนซ์ท้องถิ่นทันทีที่ผลการเจรจา ซึ่งดำเนินการมาต่อเนื่องระยะหนึ่งแล้วบรรลุผลสำเร็จ

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อเช้าวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา ว่าบริษัทฯ ร่วมทุนแห่งใหม่นี้ ชื่อ PT JTrust Finance Indonesia โดยมีทุนจดทะเบียนประมาณ 7 ล้านเหรียญสหรัฐ (245 ล้านบาท) โดยนายมิทซึจิ คาดว่าการจดทะเบียนบริษัทใหม่นี้จะสำเร็จได้ภายใน 2-3 เดือน และสามารถเริ่มดำเนินธุรกิจได้ภายในสิ้นปีนี้

GL เดินหน้ารุกตลาดอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นประเทศที่ 3 ในภูมิภาคอาเซียน หลังประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ในการรุกขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศกัมพูชาในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา และเริ่มขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศ สปป.ลาว เมื่อเร็วๆ นี้ โดยนายมิทซึจิ แสดงความมั่นใจว่า การขยายธุรกิจเช่าซื้อเข้าสู่ประเทศอินโดนีเซียในครั้งนี้ จะเป็นก้าวย่างที่สำคัญต่อ การนำพาบริษัทฯ บรรลุสู่วิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำธุรกิจเช่าซื้อในภูมิภาคอาเซียนภายใน 5 ปี

GL รายงานตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 2/58 ที่ผ่านมา โดยโชว์กำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ ที่ 129.47 ล้านบาท เติบโตมากถึง 1,765% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว นอกจากการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลงตามภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของไทยแล้ว ตัวเลขกำไรสุทธิที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมากในไตรมาส 2/58 เป็นผลมาจากผลประกอบการที่ขยายตัวอย่างก้าวกระโดดในประเทศกัมพูชา โดยกำไรสุทธิทั้งหมดในไตรมาส 2 ของปีนี้ แบ่งเป็น 70 ล้านบาท มาจากผลประกอบการในประเทศไทย และที่เหลือ 59 ล้านบาทเป็นธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งสัดส่วนกำไรส่วนใหญ่มาจากการผลประกอบการในประเทศกัมพูชา

นายมิทซึจิ คาดการณ์ว่า พอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อในกัมพูชา ซึ่งประกอบด้วย รถจักรยานยนต์ 'ฮอนด้า' และเครื่องจักรการเกษตรยี่ห้อ 'คูโบต้า' จะเติบโตประมาณเท่าตัว จาก 45 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,600 ล้านบาท) ณ สิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ไปเป็นประมาณ 80-100 ล้านเหรียญสหรัฐภายในสิ้นปีนี้ และเนื่องจากศักยภาพของตลาดยังมีอยู่สูงมาก จึงได้ประเมินต่อไปว่า พอร์ตสินเชื่อโดยรวมในกัมพูชาจะขยายตัวอีก 2.5 เท่า เป็นประมาณ 250 ล้านเหรียญสหรัฐภายในสิ้นปี 2559 ซึ่งเป็นการเติบโตขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับพอร์ตสินเชื่อในประเทศไทย ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 5,000 ล้านบาทในปัจจุบันไปเป็น 5,500 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกัน

"ศักยภาพในการขยายตัวของกัมพูชามีเยอะมากและการเติบโตนี้ ส่วนใหญ่หรือ 80% ของลูกค้าของ GL มาจากพื้นที่ในชนบท ซึ่งมีการพัฒนาและเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวของถนนหนทางใหม่ๆ การก่อสร้างที่อยู่อาศัย โดยความเจริญเหล่านี้ได้สร้างผู้บริโภคกลุ่มใหม่ขึ้นมาที่มีอำนาจการซื้อซึ่งเราไม่เคยเห็นมาก่อนในอดีต" นายมิซึจิ กล่าว

ทั้งนี้ ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ในชนบทเหล่านี้ถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ ซึ่งคู่แข่งของ GL ไปไม่ถึง เนื่องจากคู่แข่งส่วนใหญ่ มักเน้นทำธุรกิจในเขตเมืองใหญ่ เป็นผลให้ GL Finance บริษัทฯ ลูกของ GL ในกัมพูชาสามารถยกระดับขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดธุรกิจเช่าซื้อโดยมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 95% ขณะเดียวกันตลาดชนบทเหล่านี้ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้นจากความปั่นป่วนของตลาดการเงินทั่วโลกในขณะนี้อีกด้วย

ทั้งนี้ GL ได้พัฒนาระบบ E-Finance หรือระบบประเมินเครดิตของลูกค้าที่มีความฉับไวและมีประสิทธิภาพสูงมากในการขยายธุรกิจในกัมพูชา โดยได้เริ่มใช้ระบบนี้ใน สปป.ลาว ซึ่ง GL เริ่มเปิดกิจการเมื่อเร็วๆ นี้ และจะใช้ระบบเดียวกันสำหรับการดำเนินธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียหลังการจดทะเบียนเสร็จสิ้นและบริษัทได้ใบอนุญาตดำเนินธุรกิจ

นายมิทซึจิ กล่าวแสดงความมั่นใจว่า การรุกเข้าไปสู่ตลาดอินโดนีเซียเปรียบเสมือนการเปิดศักราชใหม่ ซึ่งจะนำพาบริษัทฯ ไปสู่การทำสถิติสูงสุดใหม่ไม่ว่าจะเป็นยอดรายได้รวมหรือผลกำไรในอนาคต

"ตลาดอินโดนีเซียก็คล้ายกับตลาดในกัมพูชา โดยเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วประชากรส่วนใหญ่ยังยากจนและไม่มีอำนาจการซื้อที่เพียงพอแต่สืบเนื่องจากการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ประชากรส่วนใหญ่มีฐานะดีขึ้น มีรายได้และอำนาจการซื้อมากขึ้นจึงพร้อมมาเป็นลูกค้าของเราได้ในปัจจุบัน แต่เนื่องจากประเทศอินโดนีเซียมีประชากรจำนวนมากกว่า 250 ล้านคน ตลาดจึงมีขนาดใหญ่กว่ากัมพูชาถึง 10 เท่า" นายมิทซึจิ กล่าว

นายมิทซึจิ กล่าวว่า ประเทศไทยยังคงเป็นฐานธุรกิจของ GL ต่อไปแต่ผลประกอบการจากธุรกิจในภูมิภาคจะครองส่วนแบ่งรายได้รวมและกำไรเพิ่มมากขึ้นต่อจากนี้ไป อาทิ กำไรจากกัมพูชาจะเทียบเท่ากับกำไรจากประเทศไทยในไตรมาส 3 และจะแซงหน้าได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง