นักวิชาการชี้ อาจารย์ระดับอุดมศึกษาต้องทำงานวิจัยตอบโจทย์ปัญหาของประเทศ พร้อมแนะ 3 ข้อยกระดับงานวิจัยไทย

ศุกร์ ๐๖ พฤศจิกายน ๒๐๑๕ ๑๐:๓๒
· สมศ. ระดมนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญเร่งพัฒนานักวิจัย เพื่อยกระดับศักยภาพด้านการศึกษา

จากสภาพการแข่งขันของสถาบันอุดมศึกษาที่รุนแรงขึ้น ส่งผลให้มหาวิทยาลัยทุกแห่งมีการปรับยุทธศาสตร์ไปสู่ทิศทางการมุ่งผลิตผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ โดยสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงการบุกเบิกการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ จนเป็นที่รู้จักและยอมรับจากนักศึกษาทั่วโลก อย่างไรก็ตาม การพัฒนาสู่การเป็นมหาวิทยาลัยวิจัย ยังมีลักษณะของมหาวิทยาลัยที่มีการจัดการเรียนการสอนควบคู่ไปกับการผลิตผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ แต่ก็ยังพบว่าอุดมศึกษาไทยยังมีจุดอ่อนของการพัฒนางานวิจัย จึงต้องเร่งแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน

ปัจจุบันการพัฒนางานด้านวิจัยในอุดมศึกษายังมีปัญหาค่อนข้างมากที่ต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน ได้แก่ ขาดความชัดเจนในเรื่องที่จะทำวิจัย ขาดแคลนเครื่องมืออุปกรณ์ในการวิจัย ขาดการประเมินผลที่ดีเพื่อต่อยอดพัฒนางานวิจัยขั้นต่อไป และงานวิจัยขาดการบูรณาการในทุกระดับ ส่งผลให้ประสิทธิภาพของงานวิจัยยังไม่เป็นองค์ความรู้ใหม่ที่มีคุณภาพเท่าที่ควร ทั้งนี้ สำหรับทางออกของปัญหางานวิจัยของไทยจึงจำเป็นต้องผลักดันให้เกิดการสร้างฐานข้อมูลงานวิจัยเป็นองค์รวม ซึ่งจะช่วยลดการซ้ำซ้อนของงานวิจัย ส่งผลให้ผู้วิจัยสามารถต่อยอดองค์ความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยเอง จำเป็นต้องปลูกฝังให้ผู้วิจัย วิจัยจากปัญหาของประเทศ สร้างวัฒนธรรมการวิจัยแก่นักศึกษา และบูรณาการการสอนพร้อมงานวิจัย

ศาสตราจารย์ ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ. กล่าวว่า การวิจัยเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการชี้วัดคุณภาพของสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา ตลอดจนเป็นปัจจัยสำคัญในการยกระดับประเทศ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหาด้านผลผลิตของการวิจัย สมศ.จึงได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว และได้กำหนดเกณฑ์ตัวบ่งชี้ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยไว้ อาทิ งานวิจัยต้องได้รับการตีพิมพ์หรือเผยแพร่ในการประชุมวิชาการระดับชาติ หรือนานาชาติ งานวิจัยสามารถนำไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในโครงการวิจัยและสามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม และงานวิจัยต้องเป็นแหล่งอ้างอิงทางวิชาการ อาทิ บทความ ตำรา หนังสือ รายวิชาหรือหลักสูตร ฯลฯ ทั้งนี้ ปัญหาการวิจัยในไทย ยังขาดความชัดเจนในเรื่องที่จะทำวิจัย ขาดแคลนเครื่องมืออุปกรณ์ในการวิจัย ขาดการประเมินผลที่ดีเพื่อต่อยอดพัฒนางานวิจัยขั้นต่อไป และงานวิจัยขาดการบูรณาการในทุกระดับ ส่งผลให้ประสิทธิภาพของงานวิจัยยังไม่เป็นองค์ความรู้ใหม่ที่มีคุณภาพเท่าที่ควร นอกจากนี้ยังขาดแคลนทรัพยากรเพื่อการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย บุคลากรสายวิจัย สายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี มีจำนวนไม่เพียงพอ และการวิจัยไม่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น

ด้าน ศาสตราจารย์ นายแพทย์ สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า ในระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยผลิตงานวิจัยออกมากว่า 400,000 - 500,000 เรื่อง โดยที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ มีอยู่ 100,000 - 200,000 เรื่อง ถือเป็นสถานที่เก็บรวมรวมผลงานวิจัยไว้มากที่สุด ในขณะที่ส่วนผลงานวิจัยที่เหลือจะถูกจัดเก็บอยู่ที่ตัวผู้วิจัยเจ้าของผลงานเองบางส่วน ถูกจัดเก็บเป็นฐานข้อมูลของคณะ หรือมหาวิทยาลัย ซึ่งมีความกระจัดกระจาย ไม่ได้ถูกรวบรวมมาเก็บรวมกันไว้เพื่อความสะดวกในการค้นคว้า หรือนำไปพัฒนาต่อยอด และอีกปัญหาใหญ่สำหรับงานวิจัยที่พบในระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมาคือ ปัญหาการใช้คำศัพท์ในการวิจัยที่แตกต่างกัน ทำให้มีปัญหาในการสืบค้นข้อมูล หรือเกิดความซ้ำซ้อนในเรื่องของวิจัย ดังนั้นประเทศไทยต้องสร้างฐานข้อมูลงานวิจัยเป็นองค์รวมเพื่อลดการซ้ำซ้อนของงานวิจัย สามารถต่อยอดองค์ความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถใช้งบประมาณในการทำวิจัยอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

ด้านมุมมอง ศาสตราจารย์ ดร.ประมวล ตั้งบริบูรณ์รัตน์ ผอ.โครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย กล่าวถึงทางออกของการแก้ปัญหาด้านการวิจัยของประเทศไทยในระยะยาว โดยได้เสนอ 3 แนวทาง ดังนี้ 1) วิจัยจากปัญหาของประเทศ ในปัจจุบันมีนักวิจัยบางส่วนเน้นการทำวิจัยเพื่อต้องการตำแหน่งทางวิชาการและทุนในการวิจัย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วผู้วิจัยควรทำวิจัยในหัวข้อที่ตนถนัดหรือมีความเชี่ยวชาญ เพราะจะทำให้ผู้วิจัยสามารถมองถึงปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ดีที่สุด รวมถึงตอบสนองต่อความต้องการของประเทศ 2) ปลูกฝังวัฒนธรรมการวิจัยแก่นักศึกษา มุ่งเน้นให้นักศึกษาได้เห็นถึงความสำคัญของงานวิจัย โดยการให้นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในการวิจัย เพื่อให้นักศึกษาได้เห็นถึงความสำคัญของการทำวิจัย ความรู้และการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล 3) บูรณาการการสอนพร้อมงานวิจัย นักวิจัยที่ดีจะต้องคำนึงถึงจิตวิญญาณงานวิจัยว่า คือการสร้างองค์ความรู้ใหม่และให้มองว่าการสอนกับงานวิจัยเป็นเรื่องเดียวกัน โดยให้งานวิจัยเป็นตัวสร้างองค์ความรู้ใหม่ให้นักศึกษา ขณะเดียวกันผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมโดยสนับสนุนด้านการอำนวยความสะดวกให้นักวิจัย โดยเฉพาะอาจารย์ใหม่ๆ เช่น มีนักวิจัยพี่เลี้ยง งบประมาณและไม่สร้างความกดดันมากจนเกินไป

สำหรับคณาจารย์ นักเรียน นิสิต นักศึกษา หรือประชาชนทั่วไป สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือเข้าไปที่ www.onesqa.or.th

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๓ รมต.พาณิชย์ซาอุ ฯ เยี่ยมชม BDMS และ โรงพยาบาลกรุงเทพ
๑๗:๒๖ สคร.12 สงขลา ชวนวัดความดันโลหิต แนะลดกินเค็ม เลี่ยงโรคความดันโลหิตสูง เนื่องในวันความดันโลหิตสูงโลก 2567
๑๗:๕๐ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต ได้รับคัดเลือกให้เป็นโรงแรมฯแห่งแรก ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการรับรอง Green Key
๑๗:๔๖ แกร็บ ผนึกภาครัฐ-เอกชนจัดเสวนาเชิงนโยบาย GrabNEXT 2024 ฉายภาพอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หนุนซอฟต์พาวเวอร์-ผลักดันเศรษฐกิจไทย
๑๗:๑๘ เมื่อคุณคิดว่าคุณรู้จักใครบางคนดี แต่บางทีอาจไม่เป็นเช่นนั้น พาทุกคนมาร่วมเดินทางครั้งใหม่ไปพร้อมกับ Valley ในซิงเกิล When You Know
๑๗:๔๓ ไทวัสดุ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล จุดพลุรายได้ปี 66 ทะลุ 4 หมื่นล้าน วางเป้า No.1 Omnichannel DIY Home Retailer ที่ 1 วงการค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน - ชูกลยุทธ์โตแบบยั่งยืน ใน 5 ปี
๑๗:๑๖ 3 ศิลปินไทยคอลแลบท็อปส์ ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล สร้างสรรค์ผลงานในแคมเปญ แลกสนุก รับของสุดคุ้ม จากศิลปินสุดปัง
๑๗:๐๓ วีโร่ แต่งตั้งทีมผู้นำชุดใหม่ มุ่งยกระดับบริการให้คำปรึกษาด้านการสื่อสาร ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
๑๖:๑๒ บลจ. ไทยพาณิชย์ เสริมความมั่งคั่งรองรับวัยเกษียณ จัดใหญ่ มอบ Fund Bank มูลค่าสูงสุด 5,000 บาท(*) สำหรับผู้ที่โอนย้ายกองทุน RMF มาที่ SCBAM ตั้งแต่วันนี้ - 30 ส.ค.
๑๖:๔๙ Absorba แบรนด์พรีเมี่ยมจากฝรั่งเศส เปิดตัวสินค้าใหม่กลุ่มเบบี้แคร์สูตรออร์แกนิกเอาใจกลุ่มคุณแม่ยุคใหม่