กำไร GL ทุบสถิติทำนิวไฮ ประกาศรุกใหญ่ธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ทั่วอาเซียน

จันทร์ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๖ ๑๒:๔๙
บมจ.กรุ๊ปลีส หนึ่งในผู้นำธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/58 ทำนิวไฮสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 192.90 ล้านบาท พร้อมประกาศเปลี่ยนโมเดลธุรกิจรุกดิจิทัลไฟแนนซ์ทั่วอาเซียน เพื่อผลักดันรายได้และกำไรเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GLหนึ่งในผู้นำผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ กล่าวชี้แจงว่า โมเดลธุรกิจใหม่นี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของระบบอีไฟแนนซ์ ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยฝ่ายไอทีของ GL โดยสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีต้นทุนต่ำ เพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชนบทที่ไม่มีบัญชีธนาคารและไม่สามารถกู้เงินในระบบ โดยบริษัท GLF ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ GL ในประเทศกัมพูชาได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดียิ่งจากระบบอีไฟแนนซ์ใหม่นี้ ซึ่งระบบดังกล่าวถูกนำไปใช้ในธุรกิจใหม่ที่ สปป.ลาวและพร้อมจะนำไปใช้ในตลาดใหม่อื่นๆ ในอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซียซึ่ง GL ได้จดทะเบียนบริษัทร่วมทุนกับกลุ่มธนาคาร J TRUST ซึ่งเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ โดยคาดว่าบริษัทฯ ร่วมทุนจะได้รับใบอนุญาตภายในไตรมาสนี้และสามารถเริ่มดำเนินกิจการได้ในไตรมาส2/59

นายมิทซึจิ กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า ระบบอีไฟแนนซ์ใหม่นี้นอกเหนือจากสามารถตอบสนองความต้องการธุรกิจเช่าซื้อสินค้าประเภทเดิมของ GL อาทิ รถมอเตอร์ไซค์ HONDA และเครื่องจักรกลเกษตร KUBOTA แล้ว ยังนำมาใช้เป็นต้นแบบในการให้บริการสินเชื่อสำหรับสินค้าประเภทอื่นๆ เช่น แผงโซล่าร์เซลล์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ โดยอาศัยเครือข่าย POS (Point of Sale) หรือจุดบริการขาย ซึ่งตั้งอยู่ภายในอาคารของเอเย่นต์สินค้าต่างๆ ที่ GL ให้บริการสินเชื่อ จึงส่งผลดีต่อ GL ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมากในการตั้งสาขา เช่นเดียวกับบริษัทไฟแนนซ์อื่นๆ โดยล่าสุดGL มี POS เกือบ 200 แห่งทั่วประเทศกัมพูชา

"ระบบอีไฟแนนซ์นี้เป็นสิ่งที่ฝ่ายไอทีของเราพัฒนาขึ้นมาเอง ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ซึ่งทำให้เราสามารถบริหารจัดการขั้นตอนต่างๆ ในการทำธุรกิจ ตั้งแต่การประเมินสินเชื่อ การปล่อยเงินกู้ให้ลูกค้า รวมถึงการชำระเงินค่างวดโดยลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์มือถือเข้าสู่สำนักงานใหญ่ของเรา ซึ่งส่งผลดีต่อการบริหารจัดการที่มีความรวดเร็ว สะดวกและมีต้นทุนต่ำ ทำให้เราได้เปรียบคู่แข่งกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทไฟแนนซ์หรือธนาคารพาณิชย์ทั่วไป" นายมิทซึจิ กล่าว

นายมิทซึจิ กล่าวแสดงความมั่นใจว่า โมเดลธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์นี้จะช่วยให้ GL รุกเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ในอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลให้ยอดรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

โดยการประกาศโมเดลธุรกิจใหม่นี้เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทฯ รายงานตัวเลขผลประกอบการในไตรมาส 4/58 ซึ่งโชว์ตัวเลขกำไรสุทธิ 192.90 ล้านบาท หรือสูงที่สุดในประวัติการณ์ของบริษัทฯ โดยเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวจากกำไรสุทธิในไตรมาส 4/57 ขณะที่กำไรสุทธิรวมทั้งปี 2558 อยู่ที่ 582.89 ล้านบาท พุ่งขึ้น 395.15% เมื่อเทียบกับปี 2557

ทั้งนี้ สำหรับกำไรสุทธิในไตรมาส 4/58 จำนวน 192.90 ล้านบาท นับว่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึง 28% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 150.27 ล้านบาทในไตรมาส 3/58 โดยกำไรสุทธิในไตรมาสล่าสุดนี้ประมาณ 90 ล้านบาท เป็นกำไรจากผลประกอบการในประเทศไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 20 ล้านบาทจากไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการปล่อยสินเชื่อที่รัดกุมมากขึ้นและคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ในขณะที่กำไรส่วนที่เหลือในไตรมาสล่าสุดอีกประมาณ 102 ล้านบาท มาจากผลประกอบการในต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่มาจากกัมพูชา ส่วนธุรกิจใหม่ของ GL ใน สปป.ลาวนั้นสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในเวลาเพียง 5 เดือน หลังจากเริ่มเปิดดำเนินการเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยสามารถทำกำไรได้ประมาณ 2.5ล้านบาท ในไตรมาสสุดท้ายที่ผ่านมา

เมื่อถามถึงแนวโน้มผลประกอบการในอนาคต นายมิทซึจิ ประมาณการว่า พอร์ตสินเชื่อทั้งหมดของกลุ่ม GL ซึ่งเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากประมาณ 4.5 พันล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2557 เป็นประมาณ 9.2 พันล้านบาท เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา จะยังคงขยายตัวอย่างก้าวกระโดดต่อไป โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้พอร์ตสินเชื่อทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเป็นประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท ขณะที่ประมาณการกำไรสุทธิสำหรับปีนี้จะเดินหน้าทำนิวไฮต่อไป

นายทัตซึยา โคโนชิตะ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ GL กล่าวชี้แจงว่า มีความมั่นใจอย่างสูงต่อศักยภาพการขยายตัวของธุรกิจในกัมพูชา โดยบริษัท GLF ได้ปล่อยสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหมด 2.3หมื่นคันในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 10% ของยอดจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ใหม่ทั้งหมดในกัมพูชาที่ 2.6 แสนคัน ซึ่งหมายความว่า GLF ยังมีโอกาสที่จะขยายธุรกิจการปล่อยสินเชื่อได้อีกมากมาย

สำหรับตลาดใหม่อีกแห่งหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ GL คือตลาดประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีขนาดที่ใหญ่กว่าตลาดกัมพูชาถึง 10 เท่า โดย GL ได้จดทะเบียนบริษัทร่วมทุนกับกลุ่มธนาคาร J TRUST ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างรอใบอนุญาตประกอบการจากทางการอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าจะได้รับภายในไตรมาสนี้และเริ่มดำเนินธุรกิจได้ในไตรมาส 2/59

ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารของ GL เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการรุกธุรกิจในอินโดนีเซียตั้งแต่สิ้นปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าบริษัทฯ ร่วมทุนใหม่ดังกล่าวจะเริ่มดำเนินธุรกิจเป็นมูลค่าประมาณ 20-30 ล้านเหรียญสหรัฐในปีแรก จากนั้นขนาดของธุรกิจจะขยายตัวได้อย่างรวดเร็วและสามารถขยายตัวได้เต็มที่ถึงกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐในอนาคต

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง