กระทรวงเกษตรฯ จับมือฮังการี หารือความร่วมมือทางวิชาการด้านการเกษตร หนุน MOU ด้าน Animal Health ด้านการเกษตร และด้านความปลอดภัยทางอาหาร พร้อมสานสัมพันธ์แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อพัฒนาสินค้าเกษตรระหว่างทั้งสองประเทศ

จันทร์ ๑๑ เมษายน ๒๐๑๖ ๑๖:๕๐
นางวิมลพร ธิติศักดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการหารือด้านการเกษตรร่วมกับ นายกิวลา บูได (Mr.Gyula BUDAI) Ministerial Commissioner, Ministry of Foreign Affairs and Trade of Hungary ว่า ได้มีการหารือความร่วมมือทางวิชาการด้านการเกษตร โดยที่ผ่านมาไทยและฮังการีได้มีความร่วมมือทางวิชาการภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทฮังการี มานานเกือบ 15 ปี มีโครงการความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกันกว่า 37 โครงการ อยู่ระหว่างดำเนินการอยู่ 15 โครงการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการด้านปศุสัตว์และประมง และในโอกาสดังกล่าว ฝ่ายฮังการีได้เสนอจัดทำ MOUด้าน Animal Health ระหว่างกรมปศุสัตว์ และหน่วยงาน Department of Food Chain ของฮังการี ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการส่งร่างแก้ไขของฝ่ายฮังการี ทั้งนี้ หากความตกลงดังกล่าวสำเร็จได้ ก็จะเป็นอีกหนึ่งกรอบความร่วมมือทางวิชาการของระหว่างทั้งสองประเทศ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ผู้เชี่ยวชาญ และเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

?นอกจากนี้ ฮังการีได้ขอให้กรมปศุสัตว์ พิจารณากำหนดการเดินทางไปตรวจประเมินโรงงานผลิตตับเป็ด ตับห่าน ลูกไก่และไข่ฟัก ณ ประเทศฮังการี พร้อมทั้งขอให้เพิ่มการตรวจเนื้อสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์ในการเดินทางไปตรวจประเมิน โดยฮังการีได้ส่งจดหมายเชิญเจ้าหน้าที่กรมไปตรวจประเมินโรงงานผลิตในเบื้องต้นแล้ว ทั้งนี้ ฝ่ายฮังการี ได้เชิญไปร่วมคณะตรวจประเมินที่ประเทศฮังการี เพื่อรับชมโรงงาน และกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานของฝ่ายฮังการีด้วย อย่างไรก็ตาม การเพิ่มเนื้อสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์ในการตรวจประเมินต้องเสนอที่ประชุมเพื่อพิจารณาก่อน ซึ่งกรมปศุสัตว์จะแจ้งผลการพิจารณาให้ทางฮังการีทราบต่อไป นอกจากนี้ กรมวิชาการเกษตรยังได้เสนอให้มีความร่วมมือด้านวิชาการเกี่ยวกับพันธุ์องุ่น เพื่อพัฒนาการผลิตไวน์ในประเทศไทยอีกด้วย

?สำหรับด้านการค้าระหว่างไทยและฮังการีนั้น ในระหว่างปี 2555 - 2557 ฮังการีเป็นประเทศคู่ค้าสินค้าเกษตรอันดับที่ 137 ของไทย โดยสินค้าเกษตรส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.สับปะรดปรุงแต่ง 2.ปลาป่น 3.ปลาซาดีนปรุงแต่ง 4.ซอสปรุงแต่งประเภทซอสพริกน้ำปลาและของผสมอื่นๆ ที่ใช้ปรุงรสรวมถึงกะปิ และ 5. ผงโกโก้ที่ไม่เติมน้ำตาล ขณะที่สินค้านำเข้าที่สำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.เนื้อสัตว์หรือส่วนอื่นๆของสัตว์ที่ป่นหรือทำเป็นเพลเลต 2.ส่วนอื่นๆ ของเป็ดแช่เย็นจนแข็ง 3.หางนม(เวย์) และหางนมดัดแปลง (โมดิไฟเวย์) 4.ส่วนอื่นๆ ของห่านแช่เย็นจนแข็ง และ 5 .อาหารปรุงแต่งอื่นๆ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน