กสิกรไทยตั้ง KBTG พัฒนาเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกการเงินใหม่ ตั้งงบไอที 5,000 ล้านบาทหวังครองอันดับหนึ่งดิจิทัล แบงกิ้งต่อเนื่อง

จันทร์ ๒๕ เมษายน ๒๐๑๖ ๑๗:๓๗
กสิกรไทย ตั้ง KASIKORN Business - Technology Group (KBTG) มุ่งคิดค้นนวัตกรรม ร่วมพันธมิตรทางเทคโนโลยี และจับมือ FinTech และ Tech Startup สร้างนวัตกรรมทางการเงินรองรับดิจิทัล แบงกิ้งที่โตก้าวกระโดด เพิ่มความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทางการเงินในตลาดโลก พร้อมตั้งงบปีละ 5,000 ล้าน พัฒนาไอทีใหม่ หวังลูกค้าจะได้รับบริการทางการเงินในโลกดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบที่สุด คาดใน 5 ปี จำนวนรายการผ่านดิจิทัล แบงกิ้ง เพิ่มเป็น 7,900 ล้านรายการต่อปี คิดเป็นมูลค่าธุรกรรม 30 ล้านล้านบาทต่อปี

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงในโลกดิจิทัลเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของสมาร์ทโฟนทำให้ประชาชนสามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้สะดวกรวดเร็วขึ้น จากข้อมูลของธนาคารกสิกรไทยพบว่า รายการที่ทำผ่านช่องทางดิจิทัล แบงกิ้ง (โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต) ของธนาคารเติบโตอย่างก้าวกระโดดจาก 168 ล้านรายการในปี 2554 เป็น 1,135 ล้านรายการในปี 2558 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 7,900 ล้านรายการใน 5 ปีข้างหน้า (พ.ศ.2563) ส่วนการใช้บริการผ่านช่องทางสาขาจะเพิ่มจาก 166 ล้านรายการในปี 2554 เป็น 188 ล้านรายการในปี 2558 แต่คาดว่าจะลดเหลือประมาณ 153 ล้านรายการในปี 2563 ในขณะที่มูลค่าธุรกรรมที่ผ่านดิจิทัล แบงกิ้งก็เพิ่มจาก 9 แสนล้านบาทในปี 2554 เป็น 4 ล้านล้านบาทในปี2558 และคาดจะเติบโตประมาณ 10 เท่าตัวเป็น 30 ล้านล้านบาท ในปีพ.ศ.2563 หรือ 5 ปีข้างหน้า

การเพิ่มขึ้นของธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลอย่างรวดเร็วทั่วโลก ทำให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงิน (Financial Technology-FinTech) ที่ให้บริการที่มีประสิทธิภาพด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าอย่างกว้างขวางทั้งจากสถาบันการเงินและหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อตอบสนองสังคมในยุคดิจิทัล ดังนั้นจากโจทย์ทางธุรกิจในด้านเทคโนโลยีการเงินที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงกระแสธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงิน(FinTech) และผู้ประกอบการพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยี (Tech Startup) ที่ได้นำนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการให้บริการทางการเงินมาอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นับเป็นตัวแปรสำคัญที่จะสร้างแรงผลักดันให้เกิดนวัตกรรมในโลกการเงิน ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีความคาดหวังต่อบริการทางการเงินที่สูงขึ้นในโลกดิจิทัล ปัจจัยเหล่านี้จึงส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในภาพรวม

ธนาคารกสิกรไทยในฐานะผู้นำดิจิทัล แบงกิ้ง ที่มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 38% พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ ๆ ในอนาคตด้วยการตั้งบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KASIKORN Business-Technology Group หรือ KBTG) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการงานและบริการด้านไอที และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทางการเงินในตลาดโลก และเพื่อครองความเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในแต่ละปีธนาคารตั้งงบประมาณด้านไอทีไว้ประมาณ 10% ของกำไรสุทธิ หรือประมาณปีละ 4,000 ล้านบาท และเป็นงบเพื่อการพัฒนานวัตกรรมใหม่อีก 1-2% ของกำไรสุทธิ หรือ 1,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จะดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป อีกตำแหน่งหนึ่งเพื่อเชื่อมโยงการทำงานเข้ากับคณะกรรมการธนาคารและดูแลการทำงานร่วมกับหน่วยงานภายในธนาคารและพันธมิตรทางเทคโนโลยีต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพอย่างไร้รอยต่อ และแต่งตั้งนายสมคิด จิรานันตรัตน์ เป็น รองประธาน กลุ่มบริษัทKBTG ประกอบด้วย 5 บริษัท ซึ่งธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้ถือหุ้น 100% ทั้งหมด ได้แก่

บริษัท กสิกร เทคโนโลยี กรุ๊ป เซเครเทเรียต จำกัด ดูแลด้านวางแผน ติดตาม และให้การสนับสนุนการจัดการด้านการเงินและด้านบุคลากรของ KBTG รวมทั้งประสานการทำงานร่วมกันระหว่าง KBTG และธนาคารกสิกรไทย บริษัท กสิกร แล็บส์ จำกัด ค้นคว้าเทคโนโลยีและรูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อระบบดิจิทัล แบงกิ้ง และระบบเศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งทำหน้าที่สร้างและทดลองระบบต้นแบบก่อนประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์ของธนาคารกสิกรไทย

บริษัท กสิกร ซอฟต์ จำกัด ออกแบบและสร้างระบบไอทีเพื่อรองรับความต้องการทางธุรกิจและรองรับการนำนวัตกรรมมาใช้ในธนาคารให้มีความรวดเร็วและคุณภาพสูงสุด บริษัท กสิกร โปร จำกัด ดูแลการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานและระบบไอทีของธนาคารให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพ และ บริษัท กสิกร เซิร์ฟ จำกัด ทำหน้าที่สนับสนุนการทำงานของกลุ่มบริษัท ทั้งทางด้านการพัฒนา การทดสอบ และการปฏิบัติการระบบไอที

สำหรับทิศทางการดำเนินงานและกลยุทธ์ของ KBTG มุ่งไปที่การใช้งานเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของธนาคาร รวมทั้งการพัฒนาบริการเพื่อสนับสนุนลูกค้าและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า อาทิ การพัฒนาบริการผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และหลากหลายช่องทางธุรกิจ (Omni Channel) และ การใช้งานเทคโนโลยีเพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งการให้บริการผ่านเครือข่ายที่ครบวงจร (End-to-end Service) เพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลังในอุตสาหกรรมการเงิน นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในบริการทางการเงินเพื่อขยายตลาดใหม่ ๆ และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในบริการอื่น ๆ นอกเหนือจากบริการทางการเงิน เช่น การตลาดผ่านช่องทางดิจิทัล อีกทั้งยังมุ่งเน้นการให้บริการทางการเงินและบริการอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจStartup อีกด้วย

แนวโน้มเทคโนโลยีที่ KBTG มุ่งเน้นใน 5 ปีข้างหน้า ได้แก่ 1. Internet of Things (IoT) คือ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมอุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ ตู้เย็น ฯลฯ เข้าไว้ด้วยกัน โดยสามารถเชื่อมโยงและสื่อสารกันได้ผ่านอินเทอร์เน็ต 2. World Class Design คือ การออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการในโลกยุคใหม่ที่คำนึงถึงประสบการณ์ของผู้ใช้งานเป็นหลัก (User Experience Design-UXD) 3. Application Programming Interface (API) คือ โปรแกรมหรือชุดคำสั่งหรือช่องทางสำหรับการเชื่อมต่อระหว่างซอฟต์แวร์หนึ่งไปยังอีกซอฟต์แวร์หนึ่ง รวมถึงการเชื่อมต่อระหว่างแอพพลิเคชั่นไปยังเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่น กับระบบปฏิบัติการด้วย วัตถุประสงค์ก็เพื่อการเข้าถึงข้อมูลหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างแอพพลิเคชั่น

4. Advanced Mobile Programming คือ แนวโน้มของเทคโนโลยีในอนาคตที่จะสามารถอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานมากที่สุด 5. Blockchain คือ เทคโนโลยีที่ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในวงการธุรกิจการเงิน เพราะนอกจาก Blockchain จะเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้สกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายแล้ว หลายบริษัททั้งในและนอกธุรกิจทางการเงินยังเชื่อว่า Blockchain ยังมีประโยชน์ในด้านอื่น เช่น การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการชำระเงินข้ามแดน ให้มีความรวดเร็วและตรวจสอบได้ และเทคโนโลยีที่ 6. Machine Learning หมายถึงการที่กำหนดให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถปฏิบัติงานได้ดีขึ้น โดยเรียนรู้จากการกระทำ หรือสิ่งที่ทำไปก่อนหน้านั้นโดยใช้หลักการของปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) หรืออาจเป็นการเรียนรู้จากการถูกสั่งให้ทำ จากตัวอย่าง (example) หรือจากการเปรียบเทียบ (analogy) ก็ได้

KBTG ยังจะคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ในห้องแลปร่วมกับ Tech Giant ซึ่งเป็นบริษัทไอทีขนาดใหญ่ นอกจากนี้จะมีบทบาทสำคัญในการตอบสนองธุรกิจ FinTech และ Tech Startup ที่มีไอเดีย และความสามารถในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในรูปแบบต่าง ๆ การร่วมพัฒนาเทคโนโลยีและการร่วมลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจเทคโนโลยีในโลกอนาคต พร้อมใช้จุดแข็งทางด้านนวัตกรรมของบริษัทเหล่านี้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น การสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและมีโอกาสเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น อาทิ ฐานลูกค้าเอสเอ็มอี และลูกค้าบุคคลของธนาคาร นอกจากนี้ ธนาคารยังมีปัจจัยสนับสนุนการทำธุรกิจของ Tech Startup ที่สำคัญ นั่นคือ โครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (IT Infrastructure) ที่แข็งแกร่งและมีมาตรฐานความปลอดภัยสูงจะช่วยให้Tech Startup มีศักยภาพมากขึ้นในการพัฒนาและขยายผลนวัตกรรมอย่างรวดเร็วในอนาคต

นายบัณฑูร กล่าวเพิ่มเติมว่า ธุรกิจธนาคารและธุรกิจไอทีมีรูปแบบการบริหารจัดการและลักษณะบุคลากรที่แตกต่างกัน ดังนั้น การจัดตั้ง KASIKORN Business - Technology Group จึงมีโครงสร้างบริษัทแยกออกจากธุรกิจของธนาคาร ทั้งนี้ เพื่อความคล่องตัวในการบริหารจัดการและสามารถสร้างสภาพแวดล้อมรวมทั้งวัฒนธรรมองค์กรแบบเฉพาะตัวที่จะดึงดูดบุคคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้าน ไอทีเข้ามาร่วมงานกับ KBTG ได้ตามเป้าหมาย โดยบุคลากรของ KBTG จะปฏิบัติงานที่อาคารกสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป ซึ่งเป็นอาคารแห่งใหม่ของธนาคาร สูง 11 ชั้น ภายในอาคารมีการออกแบบพื้นที่ใช้สอยเพื่อรองรับการทำงานที่เน้นความคิดสร้างสรรค์และงานนวัตกรรมอีกด้วย

KBTG จะร่วมเป็นหนึ่งในกลไกการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ และเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อธนาคารกสิกรไทยสู่การเป็นดิจิทัล แบงกิ้งอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงความพร้อมในการทำงานร่วมกับ Tech Startup กล่าวคือ สามารถเป็นได้ทั้งพันธมิตรทางธุรกิจ (Strategic Partner) ผู้ร่วมลงทุน (Investor) หรือแม้แต่เป็นลูกค้า (Customer) แล้วแต่รูปแบบของนวัตกรรมเพื่อเติมเต็มช่องว่างที่มีอยู่และส่งเสริมให้ธุรกิจรูปแบบใหม่เหล่านี้เติบโตและประสบความสำเร็จในระยะยาว นอกจากนี้KBTG ยังพร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยในเรื่อง e-Payment Master Plan โดยนำระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาประยุกต์ในชีวิตประจำวันของคนไทยอย่างครบวงจร ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนจะได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว สามารถลดต้นทุนจากการพกพาเงินสดและหันมาใช้การชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีค่าบริการที่ถูกกว่าแทน ในส่วนของ ร้านค้าก็สามารถลดต้นทุนการบริหารจัดเก็บเงินสดและเช็ค รวมไปถึงการพิมพ์และจัดส่งเอกสารใบกำกับภาษี ซึ่งเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ จะทำให้โครงสร้างต้นทุนการให้บริการทางการเงินในอนาคตลดต่ำลงอย่างมากในขณะที่สามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าได้มากกว่าเดิมเพื่อเสริมให้ชีวิตในโลกดิจิทัลสมบูรณ์แบบ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง
๐๓ พ.ค. มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เดินหน้า โครงการบ้านชื่นสุขสร้างสุขผู้สูงอายุ ตอกย้ำ ความกตัญญู
๐๓ พ.ค. รีเล็กซ์ โซลูชันส์ เผยกลุ่มค้าปลีกและผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคยังไม่ใช้ศักยภาพของ AI มากนัก
๐๓ พ.ค. กทม. บูรณาการหน่วยงานเร่งแก้ปัญหาเด็กเช็ดกระจก-ขายของริมถนน ใช้สหวิชาชีพแก้ปัญหารายครอบครัว