บลจ.กสิกรไทย ปลื้มกระแสกองทุนเปิดรวงข้าวตระกูลธนรัฐทั้ง 3 กองทุน กวาดยอดขายรวมกว่า 13,066 ล้านบาท

อังคาร ๐๘ มีนาคม ๒๐๐๕ ๐๘:๔๘
กรุงเทพฯ--8 มี.ค.--นิโอ ทาร์เก็ต
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) ประสบความสำเร็จจากการเปิดขายกองทุนประเภทกองตราสารหนี้ทั้ง 3 กองทุนอย่างสูง ด้วยยอดรวมกว่า13,066 ล้านบาท ยืนยันกระแสความนิยมของนักลงทุนในกองทุนประเภทตราสารหนี้ของบริษัทฯ
นางดัยนา บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า “บริษัทฯ ได้ปิดขายกองทุนประเภทลงทุนในตราสารหนี้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวภายใต้ชื่อตระกูลกองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ จำนวน 3 กองทุน โดยมียอดขายรวมกว่า13,066 ล้านบาท ประกอบด้วยกองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ 3/49เอ (RG349A) กองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ 3/49บี (RG349B) และกองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ 5/51เอ (RG551A) หลังปิดการขายเมื่อวันที่ 1 ก.พ., 17 ก.พ. และ 2 มี.ค. ตามลำดับ ปรากฏว่ากองทุนทั้ง 3 กองทุนของ บลจ.กสิกรไทยได้รับความนิยมจากนักลงทุนดียิ่ง ซึ่งภายหลังปิดกองทุนยังคงมีนักลงทุนสนใจสอบถามข้อมูลของกองทุนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง”
กองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ 3/49 เอ (RG349A) มียอดขาย 4,999 ล้านบาท และกองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ 3/49 บี (RG349B) มียอดขาย 4,268 ล้านบาท โดยทั้ง 2 กองทุนนี้เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ มีอายุโครงการ 10 — 13 เดือน มีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนระยะสั้นที่มีความเสี่ยงต่ำ
สำหรับกองทุนเปิดรวงข้าวธนรัฐ 5/51เอ (RG551A) ซึ่งมียอดขาย 3,779 ล้านบาท เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะยาว ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ มีอายุโครงการ 3 ปี 3 เดือน กองทุนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนการลงทุนระยะยาว
“การที่ผู้ลงทุนตอบรับกองทุนต่าง ๆ ของบริษัทดีจนเกินความคาดหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในกองทุนเปิดประเภทตราสารหนี้ตระกูลรวงข้าวธนรัฐทั้ง 3 กองทุนนี้ เป็นเพราะแนวโน้มผลตอบแทนการลงทุนในตลาดตราสารหนี้มีอนาคตสดใส และมีความเสี่ยงในระดับต่ำ ขณะเดียวกัน ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวให้เหมาะกับตนเอง” นางดัยนา กล่าว
บลจ.กสิกรไทย ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการลงทุนจากกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2535 ปัจจุบัน บลจ.กสิกรไทย มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 4 อันดับ ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), Merrill Lynch Investment Managers, บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด และบริษัท เมืองไทยโฮลดิ้ง จำกัด โดย ณ 31 มกราคม 2548 บลจ.กสิกรไทยมีทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการ เท่ากับ 148,350.05 ล้านบาท
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
บริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จำกัด
พิธิมา รัตนรังสิกุล / นฤพร ชีวนันทพรชัย
โทร. 02 631 2290-5 / โทรสาร. 02 234 6192-3
E-mail: [email protected] , [email protected]จบ--

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน