สหราชอาณาจักรและเยอรมนี ผนึกกำลังสนับสนุนอุตสาหกรรมระบบปรับอากาศและทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในไทย

ศุกร์ ๑๕ กรกฎาคม ๒๐๑๖ ๐๙:๓๑
กระทรวงสิ่งแวดล้อม คุ้มครองธรรมชาติ การก่อสร้าง และความปลอดภัยทางปรมาณูของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMUB) ร่วมกับกระทรวงพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของสหราชอาณาจักร (DECC) และ GIZ จัดพิธีเปิดตัวโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศในอุตสาหกรรมระบบปรับอากาศและทำความเย็น (RAC NAMA) เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงและสารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมระบบปรับอากาศและทำความเย็น

โครงการฯ ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากกองทุนต่างประเทศ คือ NAMA Facility โดยกระทรวงของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และ สหราชอาณาจักรด้วยมูลค่า 14.7 ล้านยูโร (ประมาณ 560 ล้านบาท) โดยโครงการฯ จะให้ความร่วมมือกับทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการดำเนินงาน

ฯพณฯ เพเทอร์ พรือเกล เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ประจำประเทศไทย กล่าวในพิธีเปิดตัวโครงการว่า "ประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของอุตสาหกรรมระบบปรับอากาศและทำความเย็น ที่ประกอบไปด้วยผู้ประกอบการในประเทศและบริษัทข้ามชาติ ดังนั้น ผู้ประกอบการหรือบริษัทในอุตสาหกรรมนี้จะต้องมีศักยภาพในการพัฒนาและปรับตัวให้เข้ากับเงื่อนไขกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไปตามข้อตกลงระหว่างประเทศ หมายความว่าบริษัทผู้ผลิตเหล่านี้ต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างยิ่งในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตไปสู่เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงและสารทำความเย็นแบบธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อที่จะสามารถแข่งขันอยู่ในตลาดอุตสาหกรรมระบบปรับอากาศและทำความเย็นนี้ได้"

"หลังจากที่ได้มีการเตรียมแผนการดำเนินงาน โครงการฯ ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการและจะดำเนินงานเพื่อให้บรรลุผลตามเป้าในระยะเวลา 4 ปี ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่โครงการฯ ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรภาครัฐ และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยโครงการฯ มีความมุ่งหวังที่จะต่อยอดความร่วมมือไปยังองค์กรต่างชาติ อาทิ โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (UNESCAP) และธนาคารโลก เพื่อให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมสาขานี้อย่างยั่งยืน" ฯพณฯ เพเทอร์ พรือเกล กล่าวเสริม

ด้านมร. พอล บิวท์ อัครราชทูต ณ สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าวว่า "สหราชอาณาจักรมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและพัฒนาระบบการทำงานในตลาดพลังงานให้มีประสิทธิภาพ ความมุ่งมั่นนี้ อาจเรียกได้ว่าถูกดำเนินงานในระดับชาติ เนื่องจากโครงการฯ กำลังคิดค้นหาวิธีการใช้พลังงานสุทธิให้เป็นศูนย์ในสหราชอาณาจักร และกับประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศพันธมิตรที่เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมเมืองเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำไปพร้อมกัน"

"ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทย จะได้รับประโยชน์จากกองทุน NAMA Facility นี้ ซึ่งโครงการฯ จะเข้ามาช่วยปรับเปลี่ยนการผลิตและการใช้งานของระบบปรับอากาศและทำความเย็นของประเทศไทย ด้วยมาตรฐานและเทคโนโลยีใหม่ ที่สนับสนุนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น" มร. พอล บิวท์ กล่าวเสริม

มร.ทิม มาเลอร์ ผู้อำนวยการโครงการฯ ประจำ GIZ ประเทศไทย กล่าวว่า "แนวทางแรก โครงการ RAC NAMA มีเป้าหมายที่จะกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภคให้ซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพพลังงานสูงขึ้น โดยใช้เกณฑ์มาตรฐานประสิทธิภาพพลังงาน การติดฉลากสินค้าและการเพิ่มแรงจูงใจทางการเงินอื่นๆ ให้แก่ลูกค้า นอกจากนี้ โครงการฯ ยังมุ่งเป้าการทำงานไปยังกลุ่มทุนผู้พัฒนาโครงการฯ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตและโรงแรม เป็นต้น โดยจะสนับสนุนให้พัฒนาโครงการและธุรกิจไปในทิศทางที่คำนึงถึงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและติดตั้งอุปกรณ์เครื่องปรับอากาศและทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในส่วนแนวทางที่สองสำหรับบางผลิตภัณฑ์ เช่น ตู้เย็นและตู้แช่ซึ่งใช้เทคโนโลยีสารทำความเย็นที่มีค่าศักยภาพในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน (GWP) ในระดับต่ำ และได้มีการวางขายในท้องตลาดอยู่แล้ว โครงการฯ มีเป้าหมายที่จะดำเนินมาตรการเพิ่มแรงจูงใจหรือกลไกทางการเงินให้แก่กลุ่มลูกค้าในประเทศ เพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพพลังงานสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม"

"นอกจากนี้ โครงการฯ ยังจะสนับสนุนการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยไปสู่การใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยโครงการฯ จะดำเนินงานร่วมกับกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบในการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยและกฎหมายควบคุมอาคาร เพื่อให้มีความสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติที่ดีและเป็นมาตรฐานสากล ตลอดจนมีแผนงานส่งเสริมการฝึกอบรม เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการในอุตสาหกรรมระบบปรับอากาศและทำความเย็น ให้มีความสามารถและความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการมาตรการด้านความปลอดภัยของอุปกรณ์ที่ใช้สารทำความเย็นที่แตกต่างกัน" มร.ทิม มาเลอร์ กล่าวเสริม

นายธรรมยศ ศรีช่วย อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า "ที่ผ่านมาประเทศไทยและสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และสหราชอาณาจักร ได้มีความสัมพันธ์ทางการทูตอันดีต่อกันมาเป็นระยะเวลานาน อันนำมาซึ่งความร่วมมือกันด้านเศรษฐกิจและการค้า และยังมีความร่วมมือกันทางด้านวิชาการ โดยมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามามีส่วนร่วมในการให้คำปรึกษาและสนับสนุนการดำเนินนโยบายของประเทศไทย โดยเฉพาะนโยบายด้านพลังงาน เป็นที่ทราบกันดีว่า กระทรวงพลังงานได้จัดทำแผนอนุรักษ์พลังงานของประเทศไทย ในช่วงปี พ.ศ. 2558-2579 ที่มีมาตรการผสมผสานทั้งการบังคับ (Push) ควบคู่กับการจูงใจ (Pull) ด้วยมาตรการทางการเงินโดยการสนับสนุน ช่วยเหลือ อุดหนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยมีเป้าหมายระยะยาวของแผนอนุรักษ์พลังงานนี้ที่จะลดความเข้มการใช้พลังงาน (Energy Intensity: EI) ลงร้อยละ 30 ในปีพ.ศ. 2579 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2553"

"การดำเนินโครงการนี้ จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะช่วยส่งเสริมด้านการพัฒนาบุคลากร เสริมสร้างทักษะและสร้างกำลังคนด้านพลังงาน รวมไปถึงการสนับสนุนการรณรงค์สร้างจิตสำนึกใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า และเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานในประเทศ นอกจากนี้ โครงการฯจะเป็นประโยชน์ในด้านการแลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยี และแนวทางการปฏิบัติที่ดี ที่ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องจะได้นำความรู้และประสบการณ์ที่จะได้รับจากโครงการนี้ ไปประยุกต์ใช้และดำเนินมาตรการที่เหมาะกับบริบทของประเทศไทย รวมทั้งพัฒนาต่อยอดมาตรการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อนำไปสู่การลดการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรมระบบปรับอากาศและทำความเย็น" นายธรรมยศ กล่าวเสริม

ด้าน ดร. อัษฎาพร ไกรพานนท์ รองเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า "ประเทศไทยมีส่วนร่วมต่อการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ผ่านแผนแม่บทด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย (INDC) โดยมีการตั้งเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 20-25 ภายในปี พ.ศ. 2573 เมื่อเทียบกับกรณีฐานปกติ และมีเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 25 เมื่อได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศผ่านการสนับสนุนด้านเทคโนโลยี การสร้างเสริมศักยภาพ และงบประมาณ"

"และเนื่องด้วยปัจจุบัน อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นของประเทศไทย มีการเติบโตอย่างรวดเร็วมาก ทำให้เกิดการใช้ไฟฟ้าปริมาณสูง ซึ่งส่งผลต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมีการคาดการณ์ว่า ในอุตสาหกรรมนี้จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าภายในปี พ.ศ. 2573 ดังนั้นกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงตระหนักและให้ความสำคัญในการวางนโยบายและพัฒนาแผนแม่บทด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย โดยร่วมมือกับกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเข้าร่วมดำเนินงานในโครงการ RAC NAMA ด้วย เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและปรับปรุงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนสนับสนุนและผลักดันให้อุตสาหกรรมระบบปรับอากาศและทำความเย็นของประเทศไทยสู่การแข่งขันในตลาดโลก"

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง