สำหรับมุมมองการลงทุนในหุ้นไทย นางสาวธิดาศิริกล่าวว่า "ด้วยมุมมองการลงทุนในระยะกลางถึงยาว บลจ.กสิกรไทยมองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจ โดยผู้ลงทุนสามารถทยอยเข้าสะสมในหุ้นเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างแรงและรวดเร็ว ทำให้อาจมีโอกาสปรับตัวผันผวนบ้างในระยะสั้น แต่การปรับตัวลงอาจจะไม่มากนักเนื่องจากยังมีปัจจัยบวกด้านสภาพคล่องในตลาดที่มีอยู่ในระดับสูง ประกอบกับในช่วงที่การลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับต่ำมาก ทำให้คนหันมาลงทุนในหุ้นมากขึ้น นอกจากนี้บลจ.กสิกรไทยยังมีความเชื่อมั่นต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐ รวมถึงโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะช่วยสนันสนุนให้เศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามปัจจัยที่จะต้องจับตามองคือ ผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงประเด็นการจัดการเลือกตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งหากมีความเป็นรูปธรรมและกำหนดเวลาที่ชัดเจนจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ"
ส่วนด้านปัจจัยต่างประเทศ ตลาดและนักลงทุนได้คลายความกังวลเกี่ยวกับจังหวะในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่ส่วนใหญ่มองว่ามีโอกาสปรับขึ้นเพียง 1 ครั้งเท่านั้นภายในปีนี้ ในช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งส่งผลดีในแง่เงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าในตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียรวมถึงตลาดหุ้นไทย ขณะที่เหตุการณ์ Brexit ไม่ได้ส่งผลกระทบในเชิงลบมากนักเหมือนที่ตลาดเคยกังวล เห็นได้จากตลาดหุ้นโลกที่สามารถปรับตัวเป็นบวก รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ได้รับผลกระทบจำกัด อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องติดตามต่อเนื่องคือ ความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างประเทศสมาชิกอื่นๆในสหภาพยุโรป ที่อาจมีประเด็นเรื่องขอแยกตัวเช่นเดียวกับอังกฤษ ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดเริ่มกลับมากังวลได้อีกครั้งหนึ่ง
นางสาวธิดาศิริกล่าวต่อไปว่า ด้วยปัจจัยต่างๆที่กล่าวมา บลจ.กสิกรไทย จึงขอแนะนำสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการจะเข้าลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ในช่วงนี้ ว่าสามารถทยอยเข้าซื้อกองทุน LTF และ RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทยเพิ่มเติมได้ เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว พร้อมทั้งการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งบลจ.กสิกรไทยมีกองทุน LTF/RMF หลากหลายนโยบายครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ลงทุน โดยกองทุนที่แนะนำและมีผลการดำเนินงานที่น่าสนใจ ได้แก่ กองทุนเปิดเค 20 ซีเล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล (K20SLTF) ซึ่งมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นเด่นที่มีศักยภาพสูง ไม่เกิน 20 ตัว, กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล (KDLTF) ซึ่งมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และกองทุนเปิดเค Mid Small Cap หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (KMSRMF) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีแนวโน้มในการเติบโตสูง
ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง ณ วันที่ 26 กรกฎาคม 2559 กองทุน K20SLTF ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 14.45% และย้อนหลัง1 ปี อยู่ที่ 17.52% ด้านกองทุน KDLTF ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 18.95% และกองทุน KMSRMF ซึ่งเพิ่งจัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 30 กันยายนปีที่ผ่านมา กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 19.32% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 23.83% เมื่อเทียบกับ SET Index ที่ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 11.56%
ผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุน LTF-RMF ของ บลจ. กสิกรไทย สามารถขอรับหนังสือชี้ชวน และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888