ฮาวาสริเวอร์ออคิดย้ำสินค้าไทยมีโอกาสโตในเมียนมาร์ ด้วยความเชื่อมั่นในคุณภาพและภาพลักษณ์ แนะผู้ประกอบการไทยเร่งรุกตลาดในเมียนมาร์

พุธ ๐๓ สิงหาคม ๒๐๑๖ ๑๐:๐๗
สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ นับเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่ม CLMV ที่เป็นเป้าหมายการลงทุนของผู้ประกอบการจากนานาชาติ รวมทั้งผู้ประกอบการจากประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเริ่มเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economics Community – AEC) ซึ่งกลุ่มประเทศใน CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) ถือเป็นตลาดที่เอื้อให้ผู้ประกอบการเข้าไปทดสอบศักยภาพก่อนจะขยายสู่ตลาด AEC ต่อไป พร้อมย้ำสินค้าไทยมีโอกาสประสบความสำเร็จในเมียนมาร์ เพราะผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในคุณภาพและภาพลักษณ์ของสินค้าไทย

นายสันติพงศ์ พิมลแสงสุริยา ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทฮาวาสริเวอร์ออคิด ผู้ให้บริการธุรกิจสื่อสารการตลาดในกลุ่ม CLMV เปิดเผยว่าล่าสุด ฮาวาสริเวอร์ออคิดได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับระดับของภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น และแหล่งที่มาของสินค้า ที่ผู้บริโภคในเมียนมาร์มีต่อสินค้าไทยและสินค้าจากประเทศอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นจากสิงค์โปร, จีน, ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา, เกาหลี, ยุโรป, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยทำวิจัยจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 504 คนในเมียนมาร์ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

จากการวิจัยพบว่าผู้บริโภคในเมียนมาร์ให้ความเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าไทยเทียบเท่ากับสินค้าที่มาจากญี่ปุ่นและสิงค์โปร ในด้านภาพลักษณ์ของสินค้า ผู้บริโภคในพม่าให้ความเชื่อมั่นในภาพลักษณ์ของสินค้าไทยเทียบเท่ากับสินค้าของญี่ปุ่น โดยจะเห็นว่าผู้บริโภคในพม่าให้ความเชื่อมั่นทั้งคุณภาพและภาพลักษณ์ของสินค้าไทยเทียบเท่ากับสินค้าที่มาจากญี่ปุ่น

นายสันติพงศ์กล่าวเพิ่มเติมว่า "จากความได้เปรียบในด้านความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคในเมียนมาร์มีต่อสินค้าไทย เราแนะนำให้สินค้าไทยที่มีแบรนด์อยู่แล้ว ให้เข้าไปทำตลาดในพม่าได้เลย สำหรับสินค้าไทยที่ยังไม่มีแบรนด์ หรือแบรนด์ยังไม่ได้มีชื่อเสียง หรือแม้กระทั่งผู้ประกอบการที่เป็นโรงงานผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ในประเทศ ก็ยังสามารถขยายตลาดเข้าไปในพม่าได้ ด้วยความได้เปรียบของสินค้าไทยตามที่ได้กล่าวมา ทั้งนี้ จะต้องมีการสร้างแบรนด์ควบคู่กับการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง"

นอกจากนี้ นายสันติพงศ์ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากการศึกษาเทรนด์ในเมียนมาร์ในปีที่ผ่านมา พบว่า เทรนด์ค่านิยมในประเทศเมียนมาร์ค่อนข้างมีอิทธิพลอย่างสูงต่อพฤติกรรมผู้บริโภค และเป็นตัวกำหนดแนวโน้มของตลาดอย่างเด่นชัด เช่นในเรื่องของความกลัว เพราะเมียนมาร์เพิ่งเปิดประเทศได้ไม่นาน เมื่อมีสิ่งใหม่ ๆ หลายอย่างเพิ่มเข้ามาในชีวิตประจำวันจึงทำให้เกิดเป็นความกลัว ดังนั้นผู้ประกอบการต้องทำให้ผู้บริโภคไว้ใจ ไม่กลัวการใช้สินค้าหรือบริการใหม่ ๆ ทำให้ผู้บริโภคมองเห็นปัญหาและนำเสนอสินค้าหรือบริการที่เข้าไปช่วยแก้ปัญหา ส่วนเทรนด์ค่านิยม K-Pop สู่ My-Pop ผู้บริโภคได้นำเอาแนวคิดทางแฟชั่น การสื่อสาร และคอนเทนต์จากประเทศต่าง ๆ มาแสดงความเป็นตัวตนของเขาออกมา เช่น การแสดงออกทางความคิด ความสามารถในเรื่องต่าง ๆ แสดงให้เห็นถึงการต้องการการยอมรับ ซึ่งผู้ประกอบการต้องเข้าไปช่วยเพิ่มความมั่นใจในการแสดงออกเหล่านี้ นอกจากนี้ยังมีเทรนด์ที่มาแรงไม่แพ้กันเช่นเรื่องของความสวยแบบมีความหมายของผู้หญิง เนื่องจากส่งเสริมความมั่นใจ หรือความกังวลและตั้งคำถามเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของตัวเองในผู้ชาย เนื่องจากผู้หญิงเริ่มมีบทบาทมากขึ้น เป็นต้น

"จะเห็นว่าโอกาสในเมียนมาร์สำหรับสินค้าไทยมีมาก เรียกว่าได้เปรียบสินค้าจากประเทศอื่น ๆ เลยทีเดียว ผู้ประกอบการไทยเพียงศึกษาข้อมูลของผู้บริโภคให้ละเอียดถ้วนถี่ เจาะลึกหา Consumer Insights เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์สิ่งที่ผู้บริโภคกำลังมองหาได้อย่างถูกต้องและตรงจุด เชื่อมั่นว่ามีโอกาสอีกมากให้ขยายธุรกิจไปสู่ประเทศเมียนมาร์" นายสันติพงษ์กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๐:๕๙ อแมนด้า ชาร์ลีน ออบดัม VICHY LIFTACTIV BRAND PARTNER ตัวแทนประเทศไทย ร่วมงาน 'V.I.C VICHY INTEGRATIVE CENTER' อีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่ในรอบ 5 ปี ของแบรนด์ VICHY (วิชี่) อวดลุคเซ็กซี่สุดฮอต สวย ปัง
๒๖ เม.ย. ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๒๖ เม.ย. NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๒๖ เม.ย. แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๒๖ เม.ย. แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๒๖ เม.ย. RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๒๖ เม.ย. ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๒๖ เม.ย. เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๒๖ เม.ย. ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๒๖ เม.ย. ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud