บีโอไอเตรียมเปิดสำนักงานในย่างกุ้งและฮานอย หนุนธุรกิจไทยสยายปีกบุกลงทุนในอาเซียน

จันทร์ ๑๕ สิงหาคม ๒๐๑๖ ๑๒:๓๔
บีโอไอ เตรียมเปิดสำนักงานในย่างกุ้งและฮานอย เพื่อสนับสนุนธุรกิจไทยบุกลงทุนในอาเซียน พร้อมจัดสัมมนาข้อมูลเชิงลึก และโอกาสการลงทุนใน 8 ประเทศอาเซียน เผยผลสำเร็จโครงการ "สร้างนักลงทุนไทยไปต่างประเทศ" มีธุรกิจไทยออกไปลงทุนจริงแล้ว 88 ราย ในกลุ่มสิ่งทอและเกษตรแปรรูป

นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยในงาน Thailand Overseas Investment Forum 2016 ซึ่งเป็นงานสัมมนาเผยแพร่ข้อมูลการลงทุนรวมทั้งโอกาสและลู่ทางการลงทุนไทยในอาเซียน ว่า ในปี 2560 บีโอไอจะเปิดสำนักงานส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ 2 แห่ง ที่นครย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา และกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่จะเข้าไปลงทุน ซึ่งทั้งสองประเทศถือเป็นแหล่งลงทุนที่นักธุรกิจไทยสนใจจะเข้าไปลงทุน และภายในปี 2561 บีโอไอก็จะเปิดสำนักงานส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศแห่งที่ 3 ที่กรุงจากาตาร์ ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีตลาดขนาดใหญ่ และมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์

"หลายปีที่ผ่านมา บีโอไอได้เน้นบทบาทการส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศอาเซียน ทั้งการศึกษาโอกาสและลู่ทางการลงทุน ตลอดจนการจัดกิจกรรมพานักธุรกิจไทยไปดูลู่ทางการลงทุน สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้ ถือเป็นการนำผลการศึกษาข้อมูลเชิงลึกด้านการลงทุนมาถ่ายทอดให้กับนักธุรกิจไทย ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจขั้นตอนการออกไปลงทุนในต่างประเทศ รับทราบถึงอุปสรรคและปัญหา รวมทั้งระเบียบวิธีปฏิบัติของแต่ละประเทศอย่างถูกต้อง เพราะในอนาคตมีแนวโน้มที่นักธุรกิจไทยจะออกไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น" เลขาธิการบีโอไอกล่าว

และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บีโอไอได้จัดทำโครงการ "สร้างนักลงทุนไทยไปต่างประเทศ" ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2554 และมีผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรมาแล้ว 11 รุ่นโดยมีจำนวนนักลงทุนที่ผ่านการอบรมแล้วทั้งสิ้น 409 รายและมีนักลงทุนไทยในจำนวนดังกล่าว ออกไปลงทุนจริงแล้ว 88 ราย ส่วนใหญ่เข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนามและเมียนมา ในกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเกษตรแปรรูป

โอกาสและลู่ทางการลงทุนใน 8 ประเทศอาเซียน

อินโดนีเซีย : รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งในประเทศ จึงเป็นธุรกิจที่นักลงทุนไทยมีโอกาสจะเข้าไปลงทุน รวมถึงอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูป นักลงทุนไทยควรใช้ความได้เปรียบในด้านเทคโนโลยีการผลิต ความรู้ความเชี่ยวชาญ รวมถึงเครื่องมือและเครื่องจักรต่างๆ ขณะเดียวกันอินโดนีเซียยังมีแรงงานราคาถูกจำนวนมากและมีทักษะระดับปานกลาง จึงเหมาะสมในการลงทุนภาคการผลิตที่ใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก

เมียนมา : ภายหลังเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สถานการณ์เริ่มมีแนวโน้มสดใสสำหรับนักลงทุนไทย ขณะเดียวกันการแข่งขันทางธุรกิจในเมียนมายังอยู่ในระดับไม่รุนแรง ทำให้มีช่องว่างที่จะเข้าไปทำธุรกิจอีกมาก อุตสาหกรรมที่เหมาะในการเข้าไปลงทุนได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตร หรือเกษตรแปรรูปเพื่อจำหน่ายในประเทศหรือส่งออก อาทิ ปลาหรือกุ้งแช่แข็ง

กัมพูชา : มีอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มเป็นอุตสาหกรรมหลักและเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ซึ่งการผลิตรองเท้าจัดเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญของกลุ่มนี้ จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนไทย ที่จะเข้าไปตั้งโรงงานผลิตรองเท้าเพื่อการส่งออก รวมทั้งจัดตั้งบริษัทนำเข้าเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มจากไทยเพื่อจำหน่ายในกัมพูชา

เวียดนาม : มีธุรกิจตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นอุตสาหกรรมหลัก สินค้าที่ผลิตในเวียดนามเป็นสินค้าที่ตัดเย็บไม่ซับซ้อนรูปแบบการลงทุนที่เหมาะกับนักลงทุนไทยคือ การตั้งโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าโดยรับคำสั่งจากลูกค้าในไทยหรือจากต่างประเทศเพื่อส่งออก รวมทั้งจัดตั้งบริษัทนำเข้าเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มจากไทยเพื่อจำหน่ายแก่ตลาดในประเทศเวียดนาม

บรูไน : มีนโยบายดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ โดยต้องการให้มีการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและมีต้นทุนในการทำธุรกิจค่อนข้างต่ำ ทั้งค่าสาธารณูปโภค ราคาน้ำมัน และอัตราภาษี อุตสาหกรรมที่นักลงทุนไทยมีโอกาสเข้าไปลงทุน ได้แก่ อุตสาหกรรมประมงและอาหารทะเลแปรรูปเป็น เนื่องจากยังมีการลงทุนน้อยมาก

ฟิลิปปินส์ : เป็นตลาดขนาดใหญ่ โดยมีผู้บริโภคมากเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน จากประชากรกว่า 100 ล้านคน ธุรกิจอาหารแปรรูปจึงเป็นธุรกิจที่น่าเข้าไปลงทุนเนื่องจากปัจจุบันอาหารแปรรูปยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภครวมถึงยังมีโอกาสที่ดีในการลงทุนในกลุ่มชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ด้วย

มาเลเซีย : เหมาะที่จะเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมอาหาร โดยเฉพาะอาหารฮาลาล เนื่องจากมาเลเซียกำลังพยายามที่จะพัฒนาไปสู่การเป็นศูนย์กลางทางการค้าและบริการฮาลาลในอาเซียน ซึ่งจะช่วยให้ไทยสามารถขยายตลาดการส่งออกไปอินโดนีเซียที่มีประชากรชาวมุสลิมมากที่สุดในโลกได้

ลาว : เป็นประเทศที่มีต้นทุนด้านแรงงานและค่ากระแสไฟฟ้าที่ต่ำ สินค้าที่ผลิตจากไทยได้รับความนิยมมากในลาว โดยอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเข้าไปขยายการลงทุนได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตร อาหารแปรรูป ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจค้าปลีกและห้างสรรพสินค้าเป็นต้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน