โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน รักษาไม่ทันอาจถึงตาย

พฤหัส ๒๕ สิงหาคม ๒๐๑๖ ๑๖:๓๒
หลายครั้งที่มีคนบ่นว่าเจ็บหน้าอก เราอาจจะนึกไปถึงโรคหัวใจ แต่น้อยคนที่นึกต่อได้ว่า ที่จริงแล้วสาเหตุของอาการเจ็บหน้าอกอาจจะเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่ความเป็นไปได้ที่ร้ายแรงที่สุดนั่นก็คือ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หรือที่เรียกว่า หัวใจวาย นั่นเอง

สาเหตุของโรคดังกล่าว เกิดจากการตีบตันของหลอดเลือด ส่วนมากเป็นผลมาจากความเสื่อมตามอายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ชายอายุมากกว่า 45 ปี และผู้หญิงอายุมากกว่า 55 ปี หรือปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้หลอดเลือดเสื่อมเร็วกว่าปกติ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน การสูบบุหรี่ ความเครียด ขาดการออกกำลังกายและโรคทางพันธุกรรมบางอย่าง ทำให้ปัจจุบันพบผู้ป่วย โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันที่มีอายุน้อยลงเรื่อย ๆ

วิธีสังเกตอาการผิดปกติ ก่อนจะเกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต

1. อาการเจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก ถือว่าเป็นอาการนำที่พบบ่อยที่สุด แต่ไม่ทุกคนที่จะมีอาการนี้ ส่วนมากลักษณะ แน่นตรงกลางหน้าอกเหมือนมีอะไรมาทับ อาจมีปวดร้าวไปที่คอ ขากรรไกร ไหล่หรือแขนด้านซ้าย อาการเจ็บหน้าอกเป็นมากและรุนแรง มักเป็นนานติดต่อกันมากกว่า 20 -30 นาที นั่งพักไม่ดีขึ้น

2. มีอาการเหงื่อออก ใจสั่น หน้ามืด ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียนรุนแรง ในบางรายมีอาการหายใจหอบเหนื่อย จนถึงหมดสติ ไม่รู้สึกตัว โดยผู้ป่วยอาจไม่เคยมีอาการเจ็บหน้าอกนำมาก่อนก็ได้

ทั้งหมดนี้ถือว่า เป็นสัญญาณวิกฤตของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ที่ผู้ป่วยควรต้องรีบไปพบแพทย์

หรือเรียกรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลทันที

วิธีการรักษา 3 วิธี คือ

1. การรักษาโดยใช้ยาละลายลิ่มเลือด แพทย์จะฉีดยาที่มีฤทธิ์ในการละลายเลือดที่แข็งตัว เพื่อสลายลิ่มเลือดที่อุดตันอยู่ที่เส้นเลือดแดงหัวใจ

2. การรักษาโดยการขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูน เป็นวิธีที่นิยมที่สุด ได้ผลการรักษาดีกว่าการใช้ยาละลายลิ่มเลือด ผู้ป่วยไม่ต้องมีแผลผ่าตัด พักฟื้นไม่นาน แต่ต้องทำในโรงพยาบาลที่มีความพร้อมห้องฉีดสีสวนหัวใจ ทีมแพทย์ พยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด

3. การรักษาโดยการผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ ส่วนมากทำในกรณีที่หลอดเลือดหัวใจตีบตันหลายเส้น และไม่สามารถทำการรักษาด้วยวิธีอื่นได้

อย่างไรก็ตาม มาตรฐานการรักษาทุกขั้นตอนควรทำให้แล้วเสร็จภายใน 60 -90 นาที เพื่อช่วยผู้ป่วยให้รอด พ้นจากการเสียชีวิต ภาวะหัวใจวายเรื้อรัง และกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงคนปกติมากที่สุด ที่สำคัญอย่าลืมว่าทุกนาที ที่ได้รับการรักษาช้าเท่ากับอัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นด้วย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๒ คณะ กิจกรรม วิศวฯ ม.เกษตรศาสตร์ จับมือ อัลเตอร์วิม ร่วมวิจัย-พัฒนาขีดความสามารถเชิงธุรกิจ ด้านพลังงานหมุนเวียนและระบบกักเก็บพลังงาน
๑๖:๐๖ กรุงศรีออกมาตรการช่วยเหลือ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% ให้ลูกค้ากลุ่มเปราะบาง เป็นเวลา 6 เดือนตอบรับแนวทางการช่วยเหลือของสมาคมธนาคารไทย
๑๖:๒๙ Lexar Professional CFexpress 4.0 Type B Card DIAMOND คว้ารางวัล BEST STORAGE MEDIA ในงาน TIPA WORLD AWARDS
๑๖:๔๔ ฟอร์ติเน็ต ร่วมมือ สกมช. คัดเลือก-ฝึกอบรมเสริมทักษะบุคลากรคลาวด์ เล็งเพิ่มทรัพยากรบุคคล เสริมความมั่นคงปลอดภัยบนคลาวด์ทุกรูปแบบ
๑๖:๒๙ ไอ-เทล รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรก แข็งแกร่งด้วย รายได้กว่า 4 พันล้าน กำไรเพิ่ม 93 เปอร์เซ็นต์ มุ่งการเติบโตต่อเนื่องตลอดปี
๑๖:๒๒ หมอแม็ค แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมของไทย
๑๖:๐๗ ทรูเวฟ (ประเทศไทย) เปิดตัว GreenFarm.AI ผู้ช่วยคนใหม่ที่จะทำให้สวนเติบโตสวยและยั่งยืนได้ดั่งใจ
๑๖:๕๐ ไบเทคบุรี เมกะโปรเจกต์ของภิรัชบุรี กรุ๊ป พลิกโฉม ไบเทค บางนา ก้าวข้ามอุตสาหกรรม MICE สู่สถานที่แห่งไลฟ์สไตล์ครบวงจร
๑๖:๕๒ ดีมันนี่ ตอกย้ำความสำเร็จในงาน Money 20/20 Asia ในฐานะผู้บุกเบิกโซลูชัน โอนเงินไปต่างประเทศชั้นนำในวงการฟินเทคไทย
๑๖:๕๔ สบยช. ยืนยัน ชาเม่ คอลลาเจน ไม่มีสารเสพติด