มหกรรมยานยนต์ IAA เตรียมเปิดฉากเดือนนี้ มุ่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล

อังคาร ๐๖ กันยายน ๒๐๑๖ ๑๖:๐๐
แถลงการณ์จากคุณแมทเทียส วิสส์แมนน์ ประธานสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์เยอรมัน (VDA) ในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนผ่านทางเว็บ เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2559 ก่อนเปิดฉากมหกรรมยานยนต์ IAA

ยานยนต์และเทคโนโลยีมากกว่า 320 รายการเตรียมเปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลก - ผู้จัดแสดง 2,000 ราย จาก 52 ประเทศ - ตลาดยุโรปแข็งแกร่งหนุนมหกรรม IAA

ในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า มหกรรม "IAA Commercial Vehicles" ครั้งที่ 66 จะเปิดฉากขึ้นที่เมืองฮันโนเวอร์ ประเทศเยอรมนี

มหกรรม IAA ถูกจองเกือบเต็มพื้นที่แล้ว โดยเรามีความยินดีอย่างยิ่งที่มีผู้ให้ความสนใจจองพื้นที่มากเช่นนี้ ด้วยพื้นที่กว้างขวางถึง 270,000 ตารางเมตร มหกรรม IAA ปีนี้จึงเป็นงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับต้นๆ นับตั้งแต่ที่มหกรรม IAA Commercial Vehicles ได้จัดแยกออกมา

มหกรรม IAA ถือเป็นงานที่สำคัญที่สุดของโลกสำหรับแวดวงการขนส่ง โลจิสติกส์ และการเคลื่อนย้าย โดยผู้จัดแสดงประมาณ 2,000 ราย จาก 52 ประเทศ จะมารวมตัวกันที่งานนี้เพื่อนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆของตน นอกจากนี้ งานในปีนี้มียังมีความเป็นสากลมากกว่าที่เคย เนื่องจากมีประเทศต่างๆ ร่วมงานเพิ่มขึ้นถึง 15%

สำหรับการเปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกนั้น ยังสรุปจำนวนแน่นอนไม่ได้จนกว่าจะใกล้ถึงวันเปิดมหกรรม IAA โดยเรายังคงได้รับเสียงตอบรับจากผู้จัดแสดงเพิ่มขึ้นทุกวัน และวันนี้ ผมสามารถเรียนให้ท่านทราบได้ว่า มหกรรม IAA ปีนี้มาพร้อมกับพลังขับเคลื่อนนวัตกรรมที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจนถึงขณะนี้ บรรดาผู้จัดแสดงต่างแจ้งว่า พวกเขาจะจัดงานเปิดตัวครั้งแรกของโลกที่งานนี้มากกว่า 320 รายการ นอกจากนี้ ยังจะมีการเปิดตัวครั้งแรกของยุโรปกว่า 100 รายการด้วย

เมื่อมหกรรม IAA เปิดฉากขึ้น ภายในงานจะเต็มไปด้วยบรรยากาศความเป็นสากล โดยปีนี้มีผู้จัดแสดงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 61% และนับจนถึงวันนี้ มีผู้สื่อข่าวกว่า 1,100 ราย จากประมาณ 50 ประเทศแล้ว ที่ได้รับการรับรองเพื่อร่วมทำข่าวในมหกรรม IAA

มหกรรม IAA เตรียมนำเสนอห่วงโซ่มูลค่าระดับโลกในแวดวงยานยนต์พาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ผลิตรถบรรทุกงานหนัก รถตู้ และรถบัส ผู้ผลิตรถพ่วงและตัวถังรถ ตลอดจนบริษัทผู้จัดหาและผู้ให้บริการอีกมากมาย

งานในปีนี้มีสโลแกนว่า "ขับเคลื่อนด้วยแนวคิด" (Driven by Ideas) ดังนั้นอุตสาหกรรมยานยนต์จึงจะเน้นย้ำเมกะเทรนด์เหล่านี้ ขณะที่ภาคยานยนต์พาณิชย์จะนำเสนอโซลูชั่นต่างๆ ตามขอบเขตที่ว่า:

- เทรนด์เหล่านี้รวมถึงสิ่งสำคัญที่สุดประการแรก นั่นคือการขับขี่อัตโนมัติและมีการเชื่อมต่อถึงกัน ซึ่งในที่นี้เรากำลังพูดถึง "การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล" ของทั้งอุตสาหกรรม

- เทรนด์เหล่านี้รวมถึงระบบส่งกำลังทางเลือก ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในภาคส่วนยานยนต์พาณิชย์และรถบัส โดยการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าและไฮบริด ตลอดจนก๊าซธรรมชาติ ถือเป็นคำสำคัญ ณ ที่นี้

- นอกจากนี้ เทรนด์เหล่านี้ยังรวมถึง "ระบบโลจิสติกส์ในเมือง" ซึ่งทำให้การขนส่งและโลจิสติกส์ในเมืองเล็ก เมืองใหญ่ มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น

เพื่อเน้นย้ำถึงประเด็นเหล่านี้ เราจึงได้กำหนดเป็นหัวข้อพิเศษสำหรับมหกรรม IAA Commercial Vehicles ภายใต้แผนริเริ่ม "New Mobility World logistics"

แผนริเริ่มใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อเน้นย้ำความสำคัญของการออกแบบแห่งอนาคต แนวคิดใหม่ด้านโลจิสติกส์ ข้อเสนอและบริการจากผู้จัดแสดง เพื่อกระตุ้นการรับรู้ของผู้เข้าร่วมงานต่อประเด็นเหล่านี้ และเพื่อดึงดูดความสนใจของบริษัทและผู้เข้าร่วมงานกลุ่มใหม่ๆ

นอกจากนี้ New Mobility World logistics ยังช่วยเน้นย้ำประเด็นด้านโลจิสติกส์และการขนส่งแห่งอนาคตให้ยิ่งเด่นชัดมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้ เราจึงดำเนินการวางขอบข่ายงานใหม่ เพื่อเป็นช่องทางสนทนาของผู้ถือผลประโยชน์ร่วมทุกราย

เราได้เลือก 5 ขอบเขตที่สำคัญสำหรับแผนริเริ่ม New Mobolity World logistics ประกอบด้วย

- ยานพาหนะที่มีการเชื่อมต่อ

- การขับเคลื่อนอัตโนมัติ

- ระบบส่งกำลังรถยนต์ทางเลือก

- โลจิสติกส์ในเมือง

- บริการขนส่ง

เทรนด์นวัตกรรมเหล่านี้ไม่ได้ยึดติดกับผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่งอีกต่อไป ซึ่งในงาน IAA ครั้งนี้ วงการอุตสาหกรรมจะแสดงให้เห็นถึงกระบวนการที่ครบถ้วน อีกทั้งจะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อขอบเขตนวัตกรรมเหล่านี้

ผู้เข้าชมงาน IAA ในปีนี้จะได้รับประสบการณ์หลากหลายจากบูธของผู้จัดแสดงและจากการประชุมจำนวนมาก รวมไปถึงส่วนจัดแสดงกลางแจ้ง "New Mobility World LIVE" ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมงานได้เห็นการสาธิตการขับขี่ที่ปราดเปรียวและมีการตอบสนองกับผู้ชม นอกจากนี้ บรรดาผู้จัดแสดงจะนำเสนอนวัตกรรมของตนให้ผู้เยี่ยมชมได้สัมผัส ในระหว่างกิจกรรม Guided Tours ซึ่งการพาชมทั่วงานในแต่ละครั้งนั้นจะมุ่งเน้นไปที่ขอบเขตสำคัญ 1 ใน 5 ขอบเขต ขณะเดียวกันภายในงานยังจะมีการทดลองขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าในพื้นที่จัดแสดง รวมทั้งการทดลองขับรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่และขนาดเล็กบนถนนสาธารณะด้วย

การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลถือเป็นประเด็นที่บรรดาผู้ผลิตกำลังพยายามผลักดัน อย่างไรก็ดี สิ่งนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้หากขาดซัพพลายเออร์ที่ต่างก็แสดงความมุ่งมั่นต่อเรื่องนี้เช่นกัน

เป้าหมายมีความชัดเจน นั่นคือ การเชื่อมต่อจะทำให้การคมนาคมขนส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

รถยนต์พาณิชย์เริ่มมีความเป็นอัจฉริยะมากขึ้น โดยในอนาคตอาจมีกล้องแบบมัลติฟังก์ชั่น เรดาร์ และเซนเซอร์แบบอัลตราซาวด์ มาทำหน้าที่ "เป็นหู เป็นตา" เพื่อช่วยในการขับขี่อัตโนมัติ ขณะที่ข้อมูลแบบเรียลไทม์จะถูกนำมาใช้เพื่อแจ้งเตือนรถบรรทุกเกี่ยวกับการจราจรติดขัดข้างหน้า ซึ่งเป็นการต่อยอดจากในปัจจุบันที่ได้มีการนำระบบเบรคฉุกเฉินมาใช้แล้ว

และในอนาคต รถบรรทุกขนาดใหญ่จะสามารถขับขี่อัตโนมัติไปบนท้องถนนผ่านการเชื่อมต่อแบบดิจิทัล (หรือที่เรียกว่า "platooning") ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อมกัน

การขับขี่ระบบไฟฟ้าและระบบไฮบริดไม่เพียงถูกนำมาใช้กับรถตู้หรือรถบัสเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงรถบรรทุกขนาดใหญ่ด้วย ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจว่าการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซ CO2 จะลดลงยิ่งขึ้นไปอีก โดยเชื้อเพลิงทางเลือกอื่น ๆ เช่น ก๊าซธรรมชาติ ก็ถือเป็นทางเลือกที่มีศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซ CO2 จากรถบรรทุก

การเชื่อมต่อและการเคลื่อนที่ด้วยไฟฟ้าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่า ระบบโลจิสติกส์ในเมืองแห่งอนาคต หรือ "last mile" จะมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น และมีการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์

งาน IAA ครั้งนี้จะแสดงให้เห็นว่า เราจะมีระบบขับเคลื่อนและส่งกำลังที่ผสมผสานกันอย่างกว้างขวางในอนาคต โดยเครื่องยนต์ดีเซลจะยังคงมีบทบาทสำคัญในการขนส่งระยะไกล (ด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่) ขณะที่เทคโนโลยีบำบัดไอเสีย (Euro VI, SCR และ AdBlue) ไม่เพียงมีประสิทธิภาพและราคาย่อมเยาเท่านั้น แต่ยังเป็นเทคโนโลยีสะอาดอีกด้วย ปัจจุบัน รถบรรทุกและรถบัสที่ใช้ระบบ Euro VI มีการปล่อยมลพิษต่ำมาก ทั้งในระหว่างการทดสอบและการขับจริงบนท้องถนน ซึ่งการปล่อยมลพิษที่ลดลงนี้ถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดีกับยานยนต์พาณิชย์

ทั้งนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่า แนวโน้มระบบโลจิสติกส์ในเมืองนั้นกำลังเปลี่ยนไปสู่การใช้ระบบส่งกำลังทางเลือก โดยยานพาหนะที่ใช้ระบบไฮบริดและระบบไฟฟ้าเริ่มที่จะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรถตู้และรถบัส และจะมีการนำระบบดังกล่าวไปปรับใช้กับรถบรรทุกหนักในการกระจายสินค้าในอนาคตอันใกล้นี้

นอกจากการจัดแสดงแล้ว IAA ยังถือเป็นเวทีการประชุมขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยงานเฉพาะทาง 27 งาน ครอบคลุมทุกหัวข้อที่เกี่ยวข้อง

โดยงานเหล่านี้จะรวมถึงกิจกรรม "คลาสสิก" ของเราอย่าง Hazardous Goods Day บวกกับกิจกรรมที่ชูประเด็นทันต่อยุคสมัย ได้แก่ การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล การเชื่อมต่อ (ในกิจกรรม "Lab16" ซึ่งเป็นเวทีเสวนาสำหรับเหล่าสตาร์ทอัพ) และโลจิสติกส์ในเมือง ตลอดจนอีกหลายกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้ความรู้และฝึกอบรมด้านการขนส่งและโลจิสติกส์

ในส่วนของตลาดนั้น

ตลาดรถยนต์พาณิชย์ในยุโรปตะวันตกมีความเฟื่องฟู โดยยอดการจดทะเบียนรถบรรทุกงานหนัก (มากกว่า 6 t) ได้เพิ่มขึ้น 14% แตะที่ระดับ 259,000 คันในปีที่แล้ว

สำหรับในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ตัวเลขดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 12% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในหลายประเทศของยุโรปตะวันตก เมื่อเศรษฐกิจไปด้วยดี ยอดขายรถยนต์พาณิชย์ก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยในยุโรปตะวันตก เราทำสถิติยอดขายยานยนต์พาณิชย์ขนาดใหญ่ได้สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ยังนับว่าห่างไกลจากช่วงก่อนเกิดวิกฤต

สำหรับทั้งปี เราคาดว่าจะเติบโต 8% ในยุโรปตะวันตก แตะที่ระดับ 280,000 คัน

ยิ่งไปกว่านั้น รถยนต์พาณิชย์มากกว่าครึ่งหนึ่ง (มากกว่า 6 t) ที่จดทะเบียนในยุโรปตะวันตกนั้นเป็นแบรนด์เยอรมัน

ตลาดรถตู้ในยุโรปตะวันตกก็กำลังเฟื่องฟูเช่นกัน โดยเรามีอัตราการเติบโตในระดับตัวเลขสองหลักในช่วงสองปีที่ผ่านมา และตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ ตลาดรถตู้ขยายตัวแล้ว 12%

ในทางตรงกันข้าม ตลาดรถบรรทุกสหรัฐจะชะลอตัวในปีนี้ ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ หลังจากที่ขยายตัวมา 6 ปีติดต่อกัน

สำหรับตลาดจีนนั้น ตลาดรถยนต์บรรทุกหนักจะกลับมาขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้งในปี 2559 หลังจากอ่อนแรงมา 2 ปี

ขณะที่สถานการณ์ในรัสเซียและบราซิลยังคงน่ากังวล เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศเหล่านี้ตกต่ำมาก และยังไม่มีทีท่าว่าจะปรับตัวดีขึ้นในเร็วๆ นี้

โดยสรุปแล้ว ตลาดรถยนต์พาณิชย์ทั่วโลก (มากกว่า 6 t) จะเติบโตในปีนี้ เช่นเดียวกับตลาดรถบรรทุก ซึ่งได้รับแรงขับเคลื่อนจากยอดสั่งซื้อออนไลน์ของภาคครัวเรือนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เราตั้งตารอการเปิดงาน IAA ครั้งที่ 66 โดยมหกรรมจัดแสดงชั้นนำของโลกปีนี้จะมุ่งเน้นไปที่หัวข้อที่กำลังเป็นที่สนใจอย่างการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล การเชื่อมต่อ และการขับขี่อัตโนมัติ ตลอดจนระบบส่งกำลังทางเลือก IAA จึงถือเป็นงานที่ "ขับเคลื่อนด้วยแนวคิด" อย่างแท้จริง

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์พาณิชย์ถือเป็นผู้ให้บริการด้านการเคลื่อนย้ายและโลจิสติกส์ และในอนาคตนั้น การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและระบบส่งกำลังทางเลือกจะนำเสนอโอกาสอันยิ่งใหญ่ในการเพิ่มปริมาณการขนส่งทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและความเป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศต่อไป

ติดต่อ:

Eckehart Rotter

German Association of the Automotive Industry (VDA)

Press Department

โทร.: +49-30-897842-120

อีเมล: [email protected]

ที่มา: German Association of the Automotive Industry (VDA)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง